เพิ่มพอร์ตหุ้นรอกำไร จับตาต่างชาติไหลออก แนะหุ้นชั้นดี 2 เด้ง

03 มี.ค. 2560 | 02:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

สมาคมนักวิเคราะห์และผู้ลงทุนสถาบันไทย มองเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ 1,618 จุด ต้องการกระจายพอร์ต ปิดจุดเสี่ยงต่างชาติขาย 3-4 เดือน ประสานเสียง พลังงานกำไรโต-แจกปันผลสูง

นางภรณี ทองเย็น อุปนายก สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ได้แถลงผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้ลงทุนสถาบัน เดือนกุมภาพันธ์ พบว่าส่วนใหญ่ถึง 64.25% ยังคงคาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ในทิศทางแกว่งตัวขึ้น จะขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป 53.57% ส่วนหุ้นจะขึ้นอย่างชัดเจน มีเพียง10.71% ส่วนที่เหลือ 21.43% มองว่าจะทรงตัวในกรอบแคบ (ไซย์เวย์) และอีก 10.71% มองว่าจะมีลักษณะแกว่งตัวลดลง (ไซยเวย์ดาวน์ )

“ผลการสำรวจได้ให้ประมาณการ เป้าหมายดัชนีในปี 2560 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,618 จุด มีทั้งปัจจัยบวกและลบ แต่จะต้องระวังเงินทุนต่างชาติยังมีแววไหลออกต่อเนื่อง แต่ยังลงทุนได้ในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงและแจกปันผลเด่น อาทิ บริษัทบ้านปูฯ( BANPU) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และธนาคารไทยพาณิชย์ หรือSCB”นางภรณีกล่าว

ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ ผลสำรวจพบว่า ผู้ตอบ 60.72% มีความเห็นเป็นลบต่อเนวโน้มในปี 2560 เนื่องจากคาดว่าอัตราผลตอบแทน (Yield) จะเป็นขาขึ้น โดยมีผู้ตอบ 46.43% ระบุว่าอัตราผลตอบแทนจะทยอยปรับขึ้น และอีก 14.29% ให้ความเห็นว่าจะมีแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน

อย่างไรก็ตามผู้ตอบแบบสอบถาม 3.57% ให้ความเห็นว่า อัตราผลตอบแทนน่าจะเริ่มทรงตัวปีนี้ ส่วนมุมมองเชิงบวกคาดว่ามีโอกาสแกว่งตัวลดลง และลดลงอย่างชัดเจน มีจำนวน 10.75% และ3.57% ตามลำดับ

“ปีนี้ตลาดการลงทุนจะยังคงมีความผันผวนมาก ผลสำรวจทั้งหมด จึงแนะนำให้นักลงทุนกระจายการลงทุน โดยมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้นไทย 42% หุ้นต่างประเทศหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 21% ทอง 8% ตราสารหนี้ 14% เงินสด 11% อื่นๆ เช่น กองทุนน้ำมัน กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 4%”นางภรณีกล่าว

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยโดยรวมจะยังไม่ถือว่าสดใสมากนัก โดยอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) อยู่ที่ 9.73% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประมาณการปี 2559 ที่ 19.10% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 3.39% และมีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลออกหรือยังไม่เข้ามาลงทุนได้อีกในระยะ3-4 เดือนหลังจากนี้ แต่ก็ยังสามารถเลือกลงทุนได้ในหุ้นบางกลุ่ม ที่มีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock) และมีการจ่ายเงินปันผล

“ต้องยอมรับว่ากำไรต่อหุ้น ปีนี้อาจจะไม่สูงนัก เพราะฐานของปี 2559 ขยายตัวแล้วค่อนข้างสูง แต่เรายังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นไทยอยู่ก็เพราะยังมีอีกหลายบริษัทที่น่าสนใจ ซึ่งต้องเลือกซื้อรายตัว โดยเฉพาะหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง และจ่ายเงินปันผลดี”นางภรณีกล่าว

นายรัชกฤษณ์พงศ์ เอกรังสรรค์ เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า ปีนี้การลงทุนอยู่ท่ามกลางความผันผวนสูง นักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายการลงทุน โดยลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ลง 5% จากสัดส่วน 19% เหลือเพียง 14% เพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นและกองทุนหุ้นในประเทศ เป็น 42% , หุ้นต่างประเทศ หรือ กองทุนหุ้นต่างประเทศ 21% , ทองคำโกลด์ฟิวเจอร์ส 8% , เงินสดและเงินฝาก 11% และกองทุนน้ำมัน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 4%

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2560 มีโอกาสจะขยายตัวได้มากกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 3.2% ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมเพื่อปรับประมาณการณ์ในเดือน มีนาคมนี้ ส่วนค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องในเดือน กุมภาพันธ์จากเงินไหลเข้าในตลาดพันธบัตร สะท้อนพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง มีเสถียรภาพ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,240 วันที่ 2 - 4 มีนาคม พ.ศ. 2560