ปิกอัพเปิดศึกชิงยอดQ4 ค่ายรถเร่งอวดโฉมรุ่นใหม่/เพิ่มไลน์ผลิตรองรับ

14 ต.ค. 2559 | 09:00 น.
ตลาดปิกอัพแข่งดุ มิตซูบิชิ ส่งไทรทันรุ่นปรับโฉมใหม่ปี 2017 ลงสนาม ด้านอีซูซุ ยึดหัวหาดเบอร์ 1 เซ็กเมนต์ปิกอัพ เดินหน้าเปิดตัวรุ่นใหม่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ขณะที่ฟอร์ดประกาศเดินเครื่องไลน์ผลิตเรนเจอร์ที่โรงงานเอฟทีเอ็ม

[caption id="attachment_105475" align="aligncenter" width="500"] โมริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โมริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด[/caption]

จากการสำรวจของ”ฐานเศรษฐกิจ” พบว่า แนวโน้มการแข่งขันของตลาดรถปิกอัพในช่วงไตรมาส 4 คาดว่าจะดุเดือด ล่าสุดค่ายมิตซูบิชิ ได้เปิดตัวไทรทัน โฉมใหม่ ปี 2017 โดย นายโมริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า รถมิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์2.4 ลิตรไมเวค คลีน ดีเซล เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบ/นาที ถือเป็นครั้งแรกในรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลที่มาพร้อมเสื้อสูบและฝาสูบ อลูมินัม อัลลอย บล็อก ที่ช่วยลดน้ำหนักของเครื่องยนต์

สำหรับมิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ถูกออกแบบให้เหนือระดับชั้นภายในห้องโดยสารกว้าง อุปกรณ์จัดเต็มมาพร้อมมาตรวัดใหม่ และจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์ (Multi-information display) ที่แสดงผลข้อมูลหลากหลาย ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสาร ด้วยการเสริมพนักพิงศีรษะในที่นั่งตอนหลังครบ 3 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่งที่เบาะนั่งแถวที่ 2 และ ติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง รวมทั้งระบบนำทางในรถยนต์ กล้องมองหลังขณะถอยจอด และระบบล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อรถมีความเร็ว 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง สนนราคาเริ่มต้นในรุ่น ซิงเกอร์ แค็บ 4.89 แสนบาท ,เมกะแค็บ 5.71 แสนบาท ,เมกะแค็บ พลัส 6.87แสนบาท ,ดับเบิ้ลแค็บ พลัส 7.71 แสนบาท และดับเบิล แค็บขับ เคลื่อน 4 ล้อ 9.64 แสนบาท โดย บริษัทตั้งเป้ายอดขายรถรุ่นใหม่ไว้ที่ 2,500 คันต่อเดือน

“ตลาดรถมีการชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามช่วงไตรมาสที่ 4 ของทุกปีความต้องการซื้อรถยนต์ของผู้บริโภคจะมีเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ดังนั้นเราจึงมีแผนการตลาดด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ซึ่งคาดหวังว่าจนถึงสิ้นปีส่วนแบ่งทางการตลาดของรถปิกอัพมิตซูบิชิ จะทำได้ตามเป้าที่วางไว้คือ 8% หรืออยู่ในอันดับที่ 4 ของเซกเมนต์นี้ และมุ่งหวังว่าในอนาคตข้างหน้าจะสามารถขึ้นไปสู่ในอันดับที่ 3 ให้ได้”

ขณะที่ยอดขายรถทุกรุ่นของมิตซูบิชิตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2559 มีทั้งสิ้น 40,329 คัน เติบโต 15.4 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งสัดส่วนการขายออกเป็น ไทรทัน 16,040 คัน ,ปาเจโร สปอร์ต 12,369 คัน ,มิราจ และ แอททราจ 11,764 คัน ด้านเป้าหมายยอดขายในปี 2559 ได้ตั้งไว้ที่ 5.5 หมื่น คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 8% ส่วนตลาดส่งออกในปีนี้คาดว่าจะทำได้ 321,812 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 4,000 คัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 1.3%

“โรงงานมิตซูบิชิมีการผลิตรถในปัจจุบันจำนวน 255,212 คัน เพิ่มขึ้น 4.2% จนถึงสิ้นปีคาดว่าจะทำได้ 385,222 คัน เพิ่มขึ้น 5.4% และแม้ว่าตลาดส่งออกลดลงเล็กน้อยในช่วง 8 เดือนแรกของปี เพราะหลายประเทศประสบกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น จีน ,รัสเซีย และบราซิล แต่เรายังคงเป้าหมายการเติบโตเพราะมีตลาดใหม่ๆ มาทดแทน และในช่วงปลายปีนี้จะได้คำสั่งซื้อล็อตใหญ่ จากเม็กซิโกและอเมริกาเหนือเข้ามา นอกจากนั้นแล้วเรายังเป็นโออีเอ็มผลิตรถปิกอัพให้แบรนด์เฟียตอีกด้วย ”นาย โมะริคาซุ กล่าว

ขณะที่ค่ายผู้นำในเซกเมนต์นี้อย่างอีซูซุ ก็เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุด อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross Max 4x4 ซึ่งเป็นรถสไตล์สปอร์ตออฟโรด แบบขับเคลื่อน4ล้อ มาพร้อมการแต่งรอบคัน สนนราคาเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 1.042 ล้านบาท และ เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1.087 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้วยังมีการปรับโฉมและเพิ่มออฟชั่นในรุ่น“อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์

ส่วนทางด้านฟอร์ดได้ประกาศเดินเครื่องสายการผลิต เรนเจอร์ ณ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง หรือ เอฟทีเอ็ม ซึ่งฟอร์ดมีการลงทุนจำนวน 186 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6,269 ล้านบาท ขณะที่โรงงานบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด(เอเอที) ก็ยังคงผลิตรถรุ่นนี้เช่นเดียวกัน แต่การเปิดสายการผลิตเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อรองรับทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น

อนึ่ง รายงานตัวเลขการขายรถปิกอัพขนาด 1 ตัน จากหอการค้าญี่ปุ่น – กรุงเทพฯตั้งแต่เดือนมกราคม –สิงหาคม 2559 พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 210,819 คัน เพิ่มขึ้น 0.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขายได้ 210,100 คัน โดยอันดับ 1 เป็นของอีซูซู ดีแมคซ์ 79,653 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 37.8% ,โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ 74,160 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 35.2 %,ฟอร์ด เรนเจอร์ 18,531 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 8.8% ,มิตซูบิชิ ไทรทัน 13,867 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 6.6% ,นิสสัน เอ็นพี นาวาร่า 11,784 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 5.6 %,เชฟโรเลต โคโรลาโด 7,741 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 3.7% และมาสด้า บีที -50 จำนวน 4,540 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 2.2%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,199 วันที่ 9 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559