อาหารฟังก์ชัน : โตวันโตคืน อนาคตใหม่ประเทศไทย ชิงตลาดโลก 3.7 แสนล้านดอลลาร์

14 มิ.ย. 2568 | 10:03 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มิ.ย. 2568 | 10:24 น.

ผมได้ทำวิจัยกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้าน “อาหารฟังก์ชัน (Functional Foods) โดยมี ผศ.ดร.พีรพงษ์ พรวงศ์ทอง เป็นหัวหน้าโครงการ ด้วยงบสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ผมรับผิดชอบ “การวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานวัตถุดิบสำหรับ Functional Food ของประเทศ” “อาหารฟังก์ชัน” เป็นอาหารช่วยป้องกันโรค และเพิ่มภูมิคุ้มกัน  สำหรับ ส่วนผสมของอาหารฟังก์ชัน ได้แก่

1.โปรตีนจากพืช (ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา) จากแมลง (จิ้งหรีด, หนอนนก, ดักแด้) 

2. เส้นใยอาหาร (จากพืชและผลไม้ สารสกัดจากธัญพืช)

3. สารสกัดจากสมุนไพรและพืช (ขมิ้นชัน, กระชายขาว, ฟ้าทะลายโจร)

4. ไขมันดีและกรดไขมันโอเมก้า (น้ำมันงา, น้ำมันอะโวคาโด) Euromonitor International (2023)

คาดการณ์ว่าตลาด Functional Food ทั่วโลกจะมีมูลค่าทะลุ 377,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030 (เพิ่มจากปี 2021 ที่ 177 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ข้อมูลจากกรมศุลกากร (2566) ระบุว่า ประเทศไทยมีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารฟังก์ชันจากยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา มูลค่ากว่า 307.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อาหารฟังก์ชัน : โตวันโตคืน อนาคตใหม่ประเทศไทย ชิงตลาดโลก 3.7 แสนล้านดอลลาร์

ในมูลค่าการนำเข้าข้างต้น มีวัตถุดิบ 24 ชนิดที่ไทยต้องเสียเงินนำเข้ามาก ได้แก่ โปรตีนจากคอลลาเจน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ โปรตีนจากเวย์ สารสกัดโปรตีนจากสาหร่าย ใยอาหารจากผัก กรดอะมิโนจากสัตว์ ใยอาหารจากผลไม้ กรดอะมิโนจากพืช วิตามินบี 1 สารสกัดจากพืชหรือสมุนไพร ไขมันจากนม ใยอาหารจากธัญพืช สารสกัดโปรตีนจากแมลง เป็นต้น

มี 10 ชนิด ที่ไทยมีศักยภาพในการทดแทนการนำเข้า ได้แก่ โปรตีนจากคอลลาเจน วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น ผมยังพบอีกว่า ผลิตภัณฑ์จาก “ใยอาหารจากผลไม้” ที่มาจากส้มเขียวหวาน  กล้วยน้ำวา เสาวรส ทำเป็นอาหารเสริมชนิดผงหรือแคปซูล (35%) ชีเรียล แครกเกอร์ (30%) เครื่องดื่มใยอาหาร (15%)  ไบโอติก (10%)  ผลิคภัณฑ์ “ใยอาหารจากผัก” ที่มาจาก แครอท บรอกโคลี ฝักทอง และใบมะรุม ทำเป็นอาหารเสริมจากผัก 40% เครื่องดื่มใยอาหารจากผัก 35% รวมถึงขนมขบเคี้ยวจากผัก 25%

ผลิตภัณฑ์ “วิตามินซี” ที่มาจากมะขามป้อม ฝรั่ง มะนาว ส้ม ทำเป็น เครื่องดื่มวิตามินซี 70% เครื่องดื่มวิตามินซีทั่วไป 15% ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม 10% และขนมขบเคี้ยวเสริมวิตามินซี (เยลลี่/ลูกอม/กัมมี่) 5%  แต่ในขั้นตอนผลิตภัณฑ์กลางน้ำของไทย ถือว่าเป็น “จุดอ่อน” เพราะเทคโนโลยีที่ไทยใช้ ยังไม่อยู่ในระดับขั้นสูงและอยู่ในวงจำกัด (วว. สวทช.และมหาวิทยาลัยเกษตรฯ เท่านั้น) และขาดการนำของเหลือมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่ม

ผมมีข้อเสนอแนะเพื่อลดการนำเข้าและสร้างมูลค่าในประเทศไทยแทน คือ

1.วิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถผลิตวัตถุดิบที่ยังไม่มีศักยภาพในปัจจุบัน โดยพิจารณาจากด้านเทคโนโลยีการผลิต ต้นทุน การเข้าถึงตลาด และโอกาสทางธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการในอุตสาหกรรม Functional Food ในอนาคต

2.พัฒนาระบบตลาดกลางสำหรับการซื้อขายวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรม Functional Food เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชที่เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับการแปรรูป รองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว

3.พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากวัตถุดิบในประเทศให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การผลิตในอุตสาหกรรม Functional Food ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้สามารถนำไปใช้เชิงพาณิชย์และเกิดการซื้อขายจริงในตลาด

4.จัดตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) วัตถุดิบสำคัญของไทยในอุตสาหกรรม Functional Food ครอบคลุมข้อมูลตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ ครอบคลุมไปถึงข้อมูลการผลิต การส่งออก และการนำเข้า รายชื่อผู้ประกอบการ เป็นต้น พร้อมประยุกต์ใช้ระบบ AI วิเคราะห์แนวโน้ม ความต้องการตลาด และเชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้แปรรูป และผู้ประกอบการเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ

5.ส่งเสริมการสร้างแบรนด์วัตถุดิบสำคัญของไทยภายใต้แบรนด์ ‘Made in Thailand’ สำหรับอุตสาหกรรม Functional Food ให้มีภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม ได้มาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ

6.ใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Measures) เช่น การกำหนดมาตรฐานสินค้า การควบคุมคุณภาพ และข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของวัตถุดิบในอุตสาหกรรม Functional Food เพื่อปกป้องผู้ผลิตวัตถุดิบของไทยจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เช่น สินค้านำเข้าราคาถูกที่ไม่มีคุณภาพ และไม่ผ่านมาตรฐาน

7.กำหนดสัดส่วนการใช้วัตถุดิบที่ผลิตในประเทศสำหรับอุตสาหกรรม Functional Food ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 เพื่อกระตุ้นความต้องการวัตถุดิบของไทยในตลาด สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรและผู้ผลิตพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมในระยะยาว

8.ให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนแก่ชาวต่างชาติที่เข้ามาร่วมลงทุนกับนักลงทุนไทย โดยต้องใช้วัตถุดิบที่ผลิตในประเทศไทยเป็นหลัก เพื่อส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพิ่มมูลค่าให้วัตถุดิบท้องถิ่น และสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรม Functional Food ของไทย

บทความโดย : รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช

ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน