เบอร์ 2 เข้าวิน จับตา“นโยบายอินโดนีเซีย” หลังเลือกตั้ง 2024

วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์  2567 อินโดนีเซียมีเลือกตั้งประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี เลือก สส. จำนวน 580 ที่นั่ง (ต้องมีจำนวน สส.  291 จึงถือว่าเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล) หรือสภาล่างที่เรียกว่า House of Representatives of the Republic of Indonesia เลือกสมาชิกวุฒิสภาหรือ House of Regional Representatives จำนวน 152 ที่นั่ง เลือกตั้งตัวแทนท้องถิ่นประกอบด้วยระดับจังหวัด 2,372 ที่นั่ง เลือกระดับอำเภอและเทศบาลจำนวน 17,510 ที่นั่ง รวมทั้งหมด 20,614 ที่นั่ง

ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 204 ล้านคน จาก 270 ล้านคน (ปี 2019 มีคนออกมาใช้สิทธิ 81%) รัฐธรรมนูญอินโดนีเซีย กำหนดคนที่จะมีสิทธิสมัครประธานาธิบดีคือ อายุต้อง 40 ปี อาศัยในอินโดนีเซียอย่างน้อย 5 ปี และต้องไม่เป็นคนต่างชาติ  

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งในรอบ 10 ปี ที่ไม่ใช่ประธานาธิบดีคนเดิม ประธานาธิบดี Joko Widodo คนปัจจุบันหมดสิทธิสมัครเพราะ ครบ 2 เทอม ๆ ละ 5 ปี มีการห้ามทหารและตำรวจไม่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร 19 พรรค

ผลการเลือกตั้งเมื่อ 2019 มีพรรคที่อยู่ในสภาล่าง 9 พรรค โดยพรรค The Indonesian Democratic Party of Struggle หรือ Partai Demokrasi Indonesia Perjuangan (PDI-P) มีจำนวน สส.มากสุด 128 เป็นพรรคที่ Jokowi สังกัด มีนาง Megawati Sukarnoputri เป็นหัวหน้าพรรค การเลือกตั้งครั้งนี้มีหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 820,000 หน่วย รู้ผลการเลือกตั้งทางการ ใน 35 วัน

• ใครลงสมัครประธานาธิบดี

ครั้งนี้มีผู้สมัครประธานาธิบดี 3 คน และรองฯ 3 คน โดยผู้สมัครประธานาธิบดีต้องได้รับคะแนนเสียงเกิน 50% ของผู้ออกมาเลือกตั้ง

เบอร์ 1 : Anies Baswedan และ Muhaimin Iskandar สังกัด The Coalition of Change for Unity

ประกอบด้วยพรรค NasDem (59 ที่นั่ง) PKB (58 ที่นั่ง)  PKS (60 ที่นั่ง) Ummat (ไม่มีที่นั่ง) Anies Baswedan เป็นอดีตผู้ว่ากรุงจาการ์ตา อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลับเอกชน Paramadina University อายุ 54 ปี จบปริญญาเอกรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Northern Illinois เป็นนักวิชาการ จบปริญญาตรี โท เอกจากสหรัฐฯ มาจากครอบครัวนักวิชาการ พ่อแม่เป็นอาจารย์ และอดีตเป็นรัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ 

ส่วน Muhaimin Iskandar  อายุ 57 อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร  สโลแกนการหาเสียง คือ ยุติธรรมและเจริญรุ่งเรือง และจะยกเลิกทุกสิ่งที่ Jokowi ทำทั้งหมด รวมถึงยกเลิกการใช้ย้ายเมืองหลวงเป็น Nusantara ที่อยู่ในกาลิมันตันตะวันออก ผลโพลสัดส่วนคะแนน 20% ของผู้ออกมาเลือกตั้ง

เบอร์ 2 : Prabowo Subianto และ Gibran Rakabuming Raka

สังกัดกลุ่ม The Advanced Indonesia Coalition ที่ประกอบด้วย 7 พรรค Gerinda (78 ที่นั่ง) Golkar (85 ที่นั่ง) Demokrat (54 ที่นั่ง) PAN (44 ที่นั่ง)  PBB (ไม่มีที่นั่ง) Garuda PBB (ไม่มีที่นั่ง) Gelora PBB (ไม่มีที่นั่ง) พรรค Gerindra  มี Prabowo Subianto เป็นหัวหน้าพรรค ปัจจุบันมีที่นั่งในสภาผู้แทนเป็นอันดับสามจำนวน 78 ที่นั่ง

Gibran Rakabuming Raka อายุ 36 ปี ลูกคนโตของ Jokowi ปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีเมืองสุรากาต้า จังหวัดชวากลาง ส่วน Prabowo Subianto อายุ 72 ปึ ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีกลาโหม เคยแพ้เลือกตั้งให้กับ Jokowi มา 2 ครั้ง 2014 และ 2019 เป็นอดีตนายพลกองทัพบก ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ แถมยังเป็นลูกเขยของอดีตประธานาธิบดีสุฮาร์โต้จอมเผด็จการ และถูกกล่าวหาว่าเป็นมืออุ้มศัตรูทางการเมืองจนถูกห้ามเข้าสหรัฐฯ นับสิบปีด้วยข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ผลโพลหลายสำนัก Prabowo Subianto นำคู่แข่งเกิน 50%

เบอร์ 3 : Ganjar Pranowo และ Mahfud MD  

สังกัด The Alliance of Political Parties Supporting Ganjar Pranowo โดย  Ganjar Pranowo อายุ 55 ปี อดีตผู้ว่าจังหวัดชวากลาง เคยอยู่พรรค Indonesian Democratic Party of Struggle (PDI-P) พรรคที่สนับสนุน Jokowi ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ส่วน Mahfud MD อายุ 66 ปี อาชีพนักการเมืองและนักกฎหมาย

เบอร์ 2 เข้าวิน 100% ประธานาธิบดีใหม่อินโดฯตามรอย “Jokowi”

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างเบอร์ 1 และ 2 และหากดูทั้งผลโพล และได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดี Jokowi  นายพล Prabowo Subianto และ Gibran Rakabuming Raka  น่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 8

ที่สำคัญในจำนวนผู้เลือกตั้งทั้งหมด อายุต่ำกว่า 40 ปี มี 50% อาจจะไม่ทราบเรื่องราวในอดีตของนายพลเบอร์ 2 มากนัก และแม้ว่าคะแนนของประธานาธิบดี Jokowi ได้ B+ Z (Thomas Pepinsky, director of Cornell University’s Southeast Asia Program) ก็ตาม แต่การพัฒนาประเทศก็มีความก้าวหน้ามาก ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง การย้ายเมืองหลวง บทบาทในต่างประเทศ การรักษาสมดุลระหว่างประเทศกับ จีนและสหรัฐฯ และแม้ว่าดัชนีคอร์รัปชั่น (Corruption Perceptions Index) ของอินโดนีเซียรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียนเก่า (สิงคโปร์ที่ 5 มาเลเซีย ที่ 57 เวียดนาม 83 ไทย 108 และอินโดฯ 115) ก็ตาม