ก่อน เปรียบเทียบจุดอ่อน-จุดแข็ง และนโยบายหาเสียง เรามาดูกันว่า 3 แคนดิเดต ที่ลงสนามเลือกตั้ง ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ของ อินโดนีเซีย นั้นมีใครบ้าง
สำหรับเต็งหนึ่งที่คะแนนนำในการสำรวจของหลายโพลคือ พล.ท. ปราโบโว ซูเบียนโต จากพรรคขบวนการอินโดนีเซียยิ่งใหญ่ (Great Indonesia Movement Party) หรือในชื่อภาษาท้องถิ่นว่า พรรคเกอรินทรา (Gerindra) อีกสองคนคือ นายกันจาร์ ปราโนโว อดีตผู้ว่าการจังหวัดชวากลาง จากพรรคพีดีไอ-พี (PDI-P หรือในชื่อเต็มว่า พรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซีย-การต่อสู้) ซึ่งเป็นพรรคเดียวกันกับนายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และ นายอานิส บาสเวดาน อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา ลงสมัครในนามอิสระ
ในการเปรียบเทียบจุดอ่อน-จุดแข็งรายบุคคลของ 3 แคนดิเดต ซึ่ง 1 ในนั้น คือว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย รศ. ดร.ปิติ ศรีแสงนาม รองศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้ประมวลภาพเอาไว้อย่างชัดเจน ดังนี้
นาย กันจาร์ ปราโนโว (Ganjar Pranowo)
จุดแข็ง
- ภาพจำของประชาชนในเรื่องเป็นคนติดดิน เข้าใจเงื่อนไขของคนยากจน
- ภาพจำในการต่อต้านการคอร์รัปชัน
จุดอ่อน
- สังกัดพรรด PDI-P ซึ่งถูกพิจารณาว่า ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลมากบารมีอย่างอดีตประธานาธิบดีเมกาวาตี (ซึ่งเป็นบุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีซูการ์โน) ซึ่งคนรุ่นใหม่พิจารณาว่า มีความใกล้ชิดและโน้มเอียงเลือกข้างมหาอำนาจตะวันตก
นายอานิส บาสเวดาน (Anies Baswedan)
จุดแข็ง
- วางตำแหน่งตนเองและทีมงานเป็นคนรุ่นใหม่มีภาพของนักวิชาการ และมีวิสัยทัศน์ระดับนานาชาติ
จุดอ่อน
- +ผลงานไม่เข้าตาประชาชนในสมัยเป็นผู้ว่าการฯ กรุงจาการ์ตา โดยเฉพาะการแก้ปัญหาฝุ่นละอองหมอกควัน และการรับมือ COVID-19
- ถูกพิจารณาว่าเป็นคนรุ่นใหม่ มีภาพนักวิชาการที่ยังไม่เข้าใจสังคมและบริบทของอินโดนีเซียที่แท้จริง
ส่วน นโยบายหาเสียงของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ทั้งสามคน รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ได้ประมวลภาพนโยบายของทั้งสามแคนดิเดตในด้านต่างๆ ดังนี้
นโยบายของนายปราโบโว ซูเบียนโต
ด้านการศึกษา
- จะจัดสรรงบประมาณของรัฐในการลงทุนด้านวิจัย พัฒนานวัตกรรม และสนับสนุนกิจการของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายที่ 1.5-2.0% ของจีดีพีในระยะเวลา 5 ปี
ด้านสาธารณสุข
- สนับสนุนแนวคิด Universal Coverage Healthcare
- เน้นการพัฒนาโภชนาการ สุขภาพและคุณภาพชีวิตของเด็กก่อนวัยเรียน
ด้านการจ้างงาน
- สนับสนุนให้เกิดอุตสาหกรรมปลายน้ำต่อยอดจากการผลิตวัตถุดิบขั้นต้น
- ตั้งเป้าหมายสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น 19 ล้านตำแหน่ง
ด้านการต่อต้านการคอร์รัปชัน
- สร้างระบบการทำงานของพนักงานของรัฐให้ไม่มีจุดรั่วไหล
- เพิ่มรายได้ให้กับพนักงานของรัฐเพื่อลดการคอร์รัปชัน
- สร้างสมตุลระหว่างการป้องกันและการปราบปรามการคอร์รัปชัน
ด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
- เน้นการเฝ้าระวัง และปราบปราม mis-/disinformation และ hate speech
- มองว่าเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นกลไกสำคัญในการสร้างระบบการตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของรัฐ
ด้านสิ่งแวดล้อม
- เน้นประเด็นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พลังงานทางเลือก เพื่อต่อสู้การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ
นโยบายของนายกันจาร์ ปราโนโว
ด้านการศึกษา
- โครงการให้ภาครัฐสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่อสร้าง 1 บัณฑิตระดับปริญญาตรีในทุกๆ 1 ครอบครัว
- เน้นส่งเสริมการศึกษาผ่านระบบ Digital และเครือข่าย
- สนับสนุนให้เด็กเรียนรู้การสร้างนวัตกรรม
- เพิ่มรายได้ให้กับบุคลากรภาคการศึกษา
ด้านสาธารณสุข
- สนับสนุนแนวคิด Universal Coverage Healthcare
- โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 สถานบริการด้านสาธารณสุข
ด้านการจ้างงาน
- เน้นการวางแผนประชากรและกำลังแรงงาน
- สนับสนุนผู้ประกอบการขนาดย่อม และสนับสนุนภาคเอกชนให้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนอินโดนีเซียออกจากกับดักรายได้ปานกลาง
- ลงทุนเพิ่มในระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะดิจิทัล และเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
ด้านการต่อต้านการคอร์รัปชัน
- ใช้เทคโนโลยีเพื่อจับการทุจริต
ด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
- สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นให้กับเครือข่ายประชาชน
ด้านสิ่งแวดล้อม
- สนับสนุน ส่งเสริม พลังงานทางเลือก
นโยบายของนายอานิส บาสเวดาน
ด้านการศึกษา
- สนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาได้มากขึ้นดดยลดค่าเล่าเรียนผ่านการอุดหนุนโดยภาครัฐ
- ภาครัฐต้องลงทุนมากยิ่งขึ้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพการศึกษา ลงทุนในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ โรงปฏิบัติงาน และห้องสมุด โดยเฉพาะกับสถานศึกษาที่ยังไม่มีอุปกรณ์และสถานที่
ด้านสาธารณสุข
- ขยายความคุ้มครองในการดูแลสุขภาพประชาชนตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
- ปรับปรุงให้บริการสาธารณสุขเป็นเรื่องฟรี เข้าถึงได้โดยไม่แบ่งแยกชนชั้น และเชื่อถือได้
ด้านการจ้างงาน
- วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจใน 14 เมืองเป้าหมายเพื่อให้เป็นจุดศูนย์กลางสู่การจ้างงานที่ให้โอกาสทุกคนอย่างเท่าเทียม
- รัฐต้องมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการเข้ามาแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมในเขตเมือง
ด้านการต่อต้านการคอร์รัปชัน
- เพิ่มอำนาจ และเพิ่มความเป็นอิสระให้กับหน่วยงานปราบปรามคอร์รัปชัน (KPK)
- ให้ KPK ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายได้ในทุกระดับ
ด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
- สนับสนุนการแสดงออกทางความคิดเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะกับกลุ่มนักวิชาการ
- ปรับแก้กฎหมายเพื่อสนับสนุนการแสดงออกทางความคิดเห็นและการชุมนุม
ด้านสิ่งแวดล้อม
- สนับสนุนให้นักเทคโนแครตมีบทบาทในการวางยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
- ไม่ไว้ใจให้กลุ่มธุรกิจเป็นผู้เข้ามาจัดการประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม
- ยอมรับว่าอินโดนีเซียมีปัญหาวิกฤตสิ่งแวดล้อม และต้องการสงวนรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ
ใครจะนอนมา หรือมาแบบม้ามืดหักปากกาเซียน เราคงต้องรอคอยผลการนับคะแนนซึ่งกว่าจะประกาศผลอย่างเป็นทางการ อาจใช้เวลานานถึง 35 วัน (ซึ่งเป็นเวลาสูงสุดที่กฎหมายการเลือกตั้งกำหนด) แต่ถ้าเป็นผลการนับคะแนนแบบเร็วซึ่งจัดทำโดยสถาบันสำรวจของเอกชนที่ลงทะเบียนไว้กับทางการ หรือกลุ่มองค์กรสำรวจผลการเลือกตั้งที่ส่งอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่หลายพันคนไปเกาะติดการนับคะแนนและทำการสำรวจหน้าหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ ก็อาจได้ชื่อผู้ชนะเร็วกว่านั้น
เท่าที่ผ่านมา "การนับอย่างรวดเร็ว" (quick count) ถือเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ ว่าผลการนับอย่างเป็นทางการจะออกมาเป็นอย่างไร