เปิดความร่วมมือจีน-ไทยเร่งเชื่อมทางรถไฟหนองคาย-เวียงจันทน์

07 ธ.ค. 2564 | 10:35 น.

เปิดความร่วมมือจีน-ไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และ การท่องเที่ยว เร่งเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ ส่งเสริมความเชื่อมต่อระหว่าง EEC กับ GBA

วันนี้(๗ ธ.ค.๖๔) พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ ได้ประมวลและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีน จากการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เมื่อวันที่ ๒ – ๕ พ.ย.๖๔ ว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว กล่าวคือ

 

๑. ทั้งสองฝ่ายแสดงความพึงพอใจต่อการดำเนินความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือในกรอบเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมและข้อริเริ่มเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ ๒๑  และเห็นพ้องที่จะให้ความร่วมมือรถไฟจีน-ไทยเป็นต้นแบบความสำเร็จของความร่วมมือที่มีคุณภาพสูงภายใต้กรอบข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” 

รวมทั้งเร่งการดำเนินการตามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย - เวียงจันทน์ เร่งการดำเนินการภายใต้โครงการรถไฟจีน - สปป.ลาว - ไทย และพิจารณาแนวทางความร่วมมือในกรอบระเบียงการค้าเชื่อมทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor: ILSTC) ในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงและการพัฒนาของภูมิภาค

 

๒. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความประสงค์ในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการประสานงานและการอำนวยความสะดวกการนำเข้าและส่งออกระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - จีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร และใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนของการค้า 

๓. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า (Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area: GBA) กับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ของไทย โดยการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกลไกความร่วมมือที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมความเชื่อมต่อระหว่าง EEC กับ GBA ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนความเชื่อมโยงระหว่าง GBA กับ EEC และภูมิภาคในภาพรวมสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม 

 

๔. ทั้งสองฝ่ายจะขยายความร่วมมือทางอุตสาหกรรมด้านกำลังการผลิตต่อไป และสร้างเสริมการทำงานร่วมกันเพื่อผลสัมฤทธิ์ด้านการวางแผนและนโยบายทางอุตสาหกรรม โดยใช้รูปแบบที่ดำเนินการมาแล้วเป็นพื้นฐาน เช่น นิคมอุตสาหกรรมไทย - จีน (ระยอง) โดยใช้ประโยชน์จากที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ของไทยในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์กับประเทศลุ่มน้ำโขง เพื่อพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความได้เปรียบ 

 

เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ยานยนต์พลังงานใหม่ ยานยนต์ประหยัดพลังงาน และยาง ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนให้บริษัทเอกชนจีนขยายการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาความร่วมมือสามฝ่ายใน EEC และเห็นว่าแนวคิดความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นต้นแบบสำหรับความร่วมมือในพื้นที่อื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคและนอกภูมิภาค 
 

                                    เปิดความร่วมมือจีน-ไทยเร่งเชื่อมทางรถไฟหนองคาย-เวียงจันทน์

๕. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงิน สนับสนุนการขยายการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าและการลงทุน ส่งเสริมเครือข่ายสถาบันการเงินและการบริการทางการเงิน และสร้างความเข้มแข็งให้ความร่วมมือด้านการกำกับดูแลข้ามพรมแดนอย่างมีประสิทธิภาพ
 

 

๖. ทั้งสองฝ่ายยินดีกับจำนวนนักท่องเที่ยวของแต่ละประเทศที่ไปมาหาสู่กันเพิ่มขึ้น (ซึ่งเมื่อ ๒ ปีก่อนนั้น ยังไม่เกิดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19) โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน 

 

ทั้งสองฝ่ายจะเสริมสร้างความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยและการกำกับดูแลด้านการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว การคุ้มครองความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และคุณภาพของการท่องเที่ยวรวมถึงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระหว่างสองประเทศ รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

 

บทสรุป เมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีของทั้งไทยและจีนต่างได้ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน ท่ามกลางผันผวนของเศรษฐกิจโลกผ่านกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงทางโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตและความมั่งคั่งของสองประเทศ รวมทั้งอนุภูมิภาคและภูมิภาคในภาพรวม 

 

ดังนั้น ควรได้นำข้อตกลงดังกล่าวในข้างต้นมาพิจารณาดำเนินการขับเคลื่อนต่อไป โดยปรับให้สอดคล้องกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม
 

( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www3.mfa.go.th/main/th/news3/6885/111246 และเว็บไซต์ https://mgronline.com/politics/detail/9620000106135 )