new-energy

เกาหลีทุบสถิติ 'นิวเคลียร์ฟิวชัน' คงอุณหภูมิร้อนกว่าดวงอาทิตย์ 48 วินาที

เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชันของเกาหลี สร้างสถิติใหม่ รักษาพลาสมา 100 ล้านองศา ร้อนกว่าแกนกลางของดวงอาทิตย์ถึง 7 เท่า

นับเป็นความก้าวหน้าอย่างมหาศาลของ "พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน" เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชันขั้นสูง KSTAR (Korea Superconducting Tokamak Advanced Research Reactor) ของเกาหลีใต้ ได้สร้างสถิติใหม่ของโลกด้วยการสามารถคงอุณหภูมิพลาสมาไว้ที่ระดับ 100 ล้านองศาเซลเซียสได้นานถึง 48 วินาที ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ร้อนกว่าแกนกลางของดวงอาทิตย์ถึง 7 เท่า ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการแสวงหาแหล่งพลังงานสะอาดและยั่งยืนสำหรับอนาคตของมนุษยชาติ

 

การทำสถิติครั้งนี้เป็นผลสำเร็จจากการอัพเกรดอุปกรณ์ตัวเปลี่ยนทิศทางพลาสมาให้ทำจากวัสดุทังสเตน ซึ่งมีจุดหลอมเหลวสูงกว่าวัสดุที่ใช้มาก่อนอย่างคาร์บอน ทำให้สามารถรักษาสภาพพลาสมาที่อุณหภูมิสูงได้นานขึ้น โดยสถิติเดิมของ KSTAR คือ 30 วินาทีในปี 2021  

 

ความสำเร็จนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน ซึ่งใช้หลักการเดียวกับปฏิกิริยาฟิวชันที่เกิดขึ้นในดวงอาทิตย์ คือการหลอมรวมนิวเคลียสของไอโซโทปไฮโดรเจนเข้าด้วยกันด้วยความร้อนและความดันสูง เพื่อปลดปล่อยพลังงานออกมา โดยพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันถือเป็นพลังงานสะอาดและมีแหล่งเชื้อเพลิงอย่างไฮโดรเจนที่แทบไม่มีขีดจำกัด

 

นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นแห่งเกาหลี (KFE) และพันธมิตร อย่างห้องปฏิบัติการณ์ฟิสิกส์พลาสมาพรินซ์ตันของสหรัฐฯ ได้ทำงานร่วมกันอย่างหนักเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ KSTAR โดยต้องการให้เครื่องปฏิกรณ์นี้สามารถคงระดับอุณหภูมิ 100 ล้านองศาเซลเซียสได้นานถึง 300 วินาทีภายในปี 2026 ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ว่าพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันเป็นแหล่งพลังงานที่ปลอดภัย เสถียร และยั่งยืน

 

ความสำเร็จของ KSTAR นี้ยังจะนำไปสู่การสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชันรุ่นต่อไป อย่างเครื่อง ITER ที่จะเปิดตัวในปีหน้าและคาดว่าจะผลิตพลังงานได้มากกว่าที่ใส่เข้าไป 10 เท่า รวมถึงเครื่อง DEMO ที่อาจมีประสิทธิภาพสูงถึง 25 เท่า

 

แม้จะต้องใช้เวลาอีกหลายทศวรรษในการพัฒนา แต่หลายฝ่ายมีความหวังว่าเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันจะเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานหลักในอนาคต ที่จะช่วยแก้ปัญหาพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาดและผลิตจากเชื้อเพลิงที่หาได้ง่าย

 

การทำลายสถิติโลกครั้งนี้ของ KSTAR จึงถือเป็นขั้นตอนสำคัญอีกขั้นในการเสาะหาแหล่งพลังงานทางเลือกใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ในอนาคตอย่างมหาศาล

 

อ้างอิง :