อุตสาหกรรมไมซ์ เป็นหนึ่งในผู้ร้ายที่สร้างปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากการจัดงานที่ต้องใช้ทรัพยากรและพลังงานมหาศาล อันเป็นตัวการก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงเริ่มดำเนินการแก้ไขต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ล่าสุด ได้เริ่มปรึกษาและพัฒนาการวางระบบสร้างเมืองทองธานี สู่เมืองทองสมาร์ทซิตี้ ซึ่งดำเนินการโดยมีไกด์ไลน์ 7 แกนหลัก จากแนวทางที่รัฐบาลกำหนดไว้ ซึ่งแน่นอนว่า มีทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อม
สำหรับ 7 แกนหลักสมาร์ทซิตี้ ประกอบด้วย 1.Smart Environment สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ ด้วยการแก้ปัญหาสิ่งเเวดล้อมรวมถึงการเปลี่ยนเเปลงสภาพภูมิอากาศโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เช่น การจัดการนํ้า การดูแลสภาพอากาศ การบริหารจัดการของเสีย และการเฝ้าระวังภัยพิบัติ ตลอดจนเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
2.Smart Economy เศรษฐกิจอัจฉริยะ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจและบริหารจัดการ ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ 3. Smart People พลเมืองอัจฉริยะ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ และสิ่งแวดล้อม ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ลดความเหลื่อมลํ้าทางสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนเปิดกว้างสำหรับความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และการมีส่วนร่วมของประชาชน
4.Smart Governance การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ พัฒนาระบบบริการภาครัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ 5.Smart Living การดำรงชีวิตอัจฉริยะ พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกโดยคำนึงถึงหลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design) 6. Smart Mobility การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ และ 7.Smart Energy พลังงานอัจฉริยะ บริหารจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความสมดุล ระหว่างการผลิตและการใช้พลังงานในพื้นที่เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และลดการพึ่งพาพลังงานจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลัก
นายพอลล์ กล่าวว่า เรื่องความยั่งยืน ทำต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ตอนนี้ไม่ว่าจะสร้างสร้างอาคารอะไร ก็ต้องเข้าเกณฑ์การออกแบบอาคารที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดใช้พลังงานในอาคาร ดูแลบริหารจัดการขยะ หรืออาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องปรับทั้งหมดทั้งโครงการ 4,000 กว่าไร่ สิ่งที่ปลุกสร้างไปแล้วก็ต้องทยอยปรับและทำให้เข้ากฎเกณฑ์
กว่า 2 ปี ที่ร่วมพัฒนากับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รวมไปถึงเอไอเอส และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อพัฒนาสู่เมืองทองสมาร์ทซิตี้ ที่แน่นอนว่า ต้องสนับสนุนเรื่องของความยั่งยืน การบริหารจัดการขยะ บริหารจัดการพลังงาน เศรษฐกิจ สิ่งอำนวยความสะดวก และการบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยกลยุทธ์และเป้าหมายระยะยาว ที่จะยกระดับการดำเนินธุรกิจมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ที่เรียกว่า TBC Sustainability Goals 2030 หรือ TBC SG 2030 สอดรับกับนโยบาย BCG โมเดล (Bio, Circular, Green Economy) เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ของประเทศ
ทั้งนี้ อิมแพ็คติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT จำนวน 2 สถานี รวม 13 จุดจอด ได้แก่ 1.บริเวณอาคารจอดรถในร่ม P1 อาคารชาเลนเจอร์ รวม 9 ช่องจอด และ 2. บริเวณพื้นที่ลานจอดรถของโรงแรมโนโวเทล เป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว DC Fast Charge 60- 125 kW รวม 4 ช่องจอด เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต และมีส่วนในการขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นสังคมคาร์บอนตํ่า ตามเป้าหมายภายในปี 2030
อีกทั้ง ได้ดำเนินการติดตั้ง Solar Rooftop ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า ลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก โดยติดตั้งใน 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ หลังคาของอาคารชาเลนเจอร์ ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 593.64 กิโลวัตต์ หลังคาอาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 316.20 กิโลวัตต์ หลังคาอาคารจอดรถ P.3 มีขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 153 กิโลวัตต์ ปี 2565 ทั้ง 3 อาคารมีปริมาณการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 1,137,805 กิโลวัตต่อชั่วโมง
ปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา อิมแพ็ค ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานในพื้นที่จัดแสดงงานอยู่ที่ 4% (อ้างอิงข้อมูลปี 2563 มาเป็นฐานเปรียบเทียบ ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมการใช้พลังงานได้มากกว่าปี พ.ศ.2564 ที่มีสถานการณ์โควิด-19 และถูกสั่งปิดพื้นที่เป็นระยะ) ทั้งนี้ อิมแพ็ค ลดการใช้พลังงานในพื้นที่จัดแสดงงานได้เกินเป้าอยู่ที่ 7.83% ประหยัดพลังงานได้ถึง 1,811,224 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง คิดเป็นอัตราค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้ 7,806,376.27 บาท (อัตราค่าไฟเฉลี่ย 4.31 บาทต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง) สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนหรือลดก๊าซเรือนกระจก 1,016,096.77 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (kgCO2e) เทียบเท่าการลดการใช้พลังงานบ้าน 2 ชั้น ขนาด 16 ตารางวา จำนวน 5,407 หลังคาเรือน
นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนอุปกรณ์หลอดไฟเป็นหลอดไฟ LED ตามพื้นที่อาคารและห้องจัดงานต่างๆ ระบบปรับอากาศ มีการเปลี่ยนม่านอากาศ หรือ Air Curtain ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยในการป้องกันอากาศภายในออกสู่ด้านนอก เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในไว้ การควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศ (BBP) รวมถึงการปรับใช้อุณหภูมิพื้นที่จัดงานที่เหมาะสม
สำหรับงบการลงทุนโดยรวม นายพอลล์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขชัดเจนได้ แต่ก็มีโครงการหลัก ๆ ที่อิมแพ็คจะลงทุนในช่วง 2-3 ปีจากนี้ เช่น 1.การรองรับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสที่คาดว่าจะเข้ามาในพื้นที่โครงการเมืองทองธานี 2 สถานี ที่บริเวณชาเลนเจอร์ กับบริเวณทะเลสาบ ใช้งบลงทุน 200 ล้านบาท ขยายพื้นที่ล็อบบี้ของอาคารชาเลนเจอร์ให้กว้างขึ้นโดยต้องลงทุนไม่ตํ่ากว่า 1,250 ล้านบาท เป็นต้น
ล่าสุด ยังใช้งบอีกกว่า 10,000 ล้านบาท สร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ขนาด 400-500 ห้อง บริษัทสี่แยกที่สถานีรถไฟฟ้าจะมาลง และยังต้องใช้งบอีกก้อนใหญ่ สำหรับการพัฒนาที่ดินอีกกว่า 200 ไร่ บริเวณริมทะเลสาบ เพื่อรองรับการขยายเมืองทองธานีให้เต็มพื้นที่มากขึ้น พร้อมๆ กับงบอีกส่วนในการ Redevelopment ปรับปรุงอาคารและพื้นที่ที่ทำไปก่อนหน้านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง