'กิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ' ภารกิจปั้นแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงไทยระดับโลก 

11 พ.ย. 2568 | 06:47 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2568 | 06:50 น.

'กิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ' นำอินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท ฟู้ด สู่เวทีโลก ปั้น JerHigh–JINNY แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงไทยใช้วัตถุดิบ Human Grade ส่งออกกว่า 32 ประเทศ ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจแห่งความรัก

ในโลกที่สัตว์เลี้ยงคือ สมาชิกครอบครัว ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง อุตสาหกรรมอาหารสัตว์กำลังกลายเป็นสนามแข่งขันเชิงนวัตกรรม และเศรษฐกิจแห่งความรัก ที่ผู้บริโภคทุ่มเท “หัวใจและเงิน” ไปพร้อมกัน 

ท่ามกลางคลื่นความเปลี่ยนแปลงนี้ นายกิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตขนมและอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงแบรนด์ “จินนี่” (JINNY) และ “เจอร์ไฮ” (JerHigh) ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ยืนหยัดด้วยวิสัยทัศน์ชัดเจน 

จากโครงการดูแลสัตว์จร “หมอหมาใจหล่อ” สู่ “หมอแมวน่ารัก” เขากำลังพิสูจน์ว่า การเติบโตของธุรกิจสามารถขับเคลื่อนควบคู่กับคุณค่าทางสังคมได้อย่างไร และจากฐานผู้ผลิตอันดับ 3 ของโลก เป้าหมายใหม่คือ “ปักหมุดแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงไทยบนเวทีโลก ให้กลายเป็นที่รักของคนรักสัตว์ทั่วโลก”

นายกิติศักดิ์เปิดเผยว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการยกระดับ อีโคซิสเท็ม (Ecosystem) ของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสำคัญด้านสัตว์เลี้ยงจรจัด ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้ริเริ่มโครงการ “หมอหมาใจหล่อ ส่งต่อความรักให้หมาจร” มาเป็นปีที่ 6 แล้ว

นายกิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท ฟู้ด จำกัด

หลังจากดำเนินโครงการมา 5 ปี และกำลังขยายโครงการสู่กลุ่มแมว ภายใต้ชื่อ“หมอแมวน่ารัก” เพื่อช่วยเหลือทั้งสุนัขและแมวที่ถูกทอดทิ้ง

โครงการนี้ดำเนินงาน 3 ส่วนหลักอย่างครอบคลุมคือ 

  • ต้นน้ำ (ปลูกจิตสำนึก: รณรงค์ให้ผู้คนมีความพร้อมก่อนการเลี้ยงสัตว์ ปลูกฝังจิตสำนึกและให้ความรู้คู่กับความรัก เพื่อป้องกันปัญหาการทอดทิ้งสัตว์เลี้ยง 
  • กลางน้ำ (ยกระดับมูลนิธิ): เป็นสื่อกลางในการยกระดับมูลนิธิในประเทศไทย โดยร่วมมือกับคุณหมอ 12 ท่านที่คัดเลือกจาก 12 มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและเป็นที่ยอมรับ (หมอหล่อ-ใจดี) ให้ไปรณรงค์และให้ความช่วยเหลือมูลนิธิในจังหวัดต่าง ๆ ทั้งด้านสินค้า ยา และการพัฒนาความเป็นอยู่ 
  • ปลายน้ำ (หาบ้านใหม่): มุ่งเน้นการหาบ้านให้กับสัตว์เลี้ยงจรจัด เชื่อว่าสัตว์เหล่านั้นยังต้องการความรักและมีโอกาสมีชีวิตที่ดีได้

ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โครงการได้ช่วยเหลือสุนัขและแมวจรไปแล้วรวมกว่า 30,000-35,000 ตัว และมอบสินค้าและยาเพื่อสนับสนุนมูลนิธิเกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ รวมมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท 

ยังมีสัตว์เลี้ยงส่วนหนึ่งที่เคยถูกรัก แล้วโดนทอดทิ้ง ทำให้เกิดปัญหาตามมา เราจึงต้องการยกระดับอีโคซิสเท็ม ใช้หมอหล่อ ใจดี มาทำความดี ปลูกจิตสำนึกให้ความรู้คู่ความรักแก่คนเลี้ยงสัตว์ตัวโปรด

"เราจึงฝากเชิญชวนให้ผู้ที่รักสัตว์เลี้ยงศึกษาความรู้และความพร้อมในการเลี้ยงก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้รักสัตว์เลี้ยงแค่ตอนเด็กที่น่ารักแล้วทอดทิ้งไปเมื่อมันโตขึ้น” นายกิติศักดิ์กล่าว

นายกิติศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ที่รักแมว ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงนี้ เนื่องจากการที่ผู้คนเลี้ยงแมวเสมือนลูกหรือคนในครอบครัวนั้น ไม่ใช่เพียงแค่กระแส (เทรนด์) อีกต่อไป แต่กลายเป็น เมนสตรีม (Mainstream) หรือเรื่องหลักไปแล้ว

ผู้คนเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเสมือนลูกหรือสมาชิกในครอบครัวด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง

แนวคิดนี้ได้พัฒนาจากเทรนด์กลายเป็นมาตรฐานของการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เจ้าของสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จึงทุ่มเทและพร้อมจับจ่ายเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงอย่างเต็มที่

ทั้งอาหาร, บริการ, การแพทย์, ของใช้ ฯลฯ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ ร้าน Pet Shop, โรงพยาบาล-คลินิกสัตว์, ร้านตัดขน ต่างเพิ่มจำนวนขึ้นเพื่อรองรับความต้องการที่มองหาสินค้าและบริการที่ดีที่สุด

ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นฐานผลิตและส่งออกสินค้าสัตว์เลี้ยงไปทั่วโลกแล้ว ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยมีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตประมาณ 12% ต่อปี ส่วนตลาดขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงคิดเป็นประมาณ 15% ของมูลค่าตลาดรวม 

การใช้จ่ายต่อครั้งสำหรับสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 40,000 บาทต่อคนต่อปี และคาดการณ์ว่าอัตรานี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนสัตว์เลี้ยงทั่วโลกมีประมาณ 1,000 ล้านตัว (ประมาณ 900 กว่าล้านตัว)

ขณะที่ประเทศไทยมีสัตว์เลี้ยงรวมกัน (สุนัขและแมว) อยู่ที่ 14 ล้านตัว โดยอัตราการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงในภูมิภาคเอเชียและอาเซียนนั้นสูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ค่อนข้างมาก

ขณะที่ประเทศไทยในฐานะที่เป็นฐานผลิตและส่งออกสินค้าสัตว์เลี้ยงรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก จึงเชื่อมั่นว่า อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะ ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงผู้ผลิต (Producer) ไปสู่การสร้างแบรนด์ (Branding) ในระดับโลก 

เราเชื่อว่าอาหารสัตว์เลี้ยงจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่แบรนด์ไทยสามารถก้าวออกไปเติบโตในตลาดโลกได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในตลาดเอเชียและอาเซียน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าภูมิภาคอื่นทั่วโลกอย่างชัดเจน

"บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า คนไทยสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นระดับโลกได้อย่างแน่นอน โดยมีแบรนด์หลักคือ JerHigh และ JINNY"

JerHigh แบรนด์อาหารสุนัข เน้นเรื่องสุขภาพและวัตถุดิบคุณภาพสูง โดยใช้ เนื้อไก่ที่เทียบเท่ากับอาหารมนุษย์ (Human Grade) ซึ่งเป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงระดับเดียวกับที่ส่งไปให้นักบินอวกาศรับประทาน ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย ปัจจุบัน JerHigh เป็นแบรนด์อันดับ 1 ในประเทศไทยและอาเซียน และส่งออกไปแล้วกว่า 32 ประเทศ 

JINNY แบรนด์อาหารแมว ได้ดำเนินการ รีแบรนด์ (Rebranding) ครั้งใหญ่ โดยยกระดับแบบรอบด้าน ทั้งคุณภาพสินค้า ด้วยการหันมาใช้ วัตถุดิบเทียบเท่ามนุษย์ (Human Grade) ในกระบวนการผลิตทั้งหมด พร้อมพัฒนาสูตรอาหารโดยนักโภชนาการแบ่งตามสายพันธุ์ของแมว เพื่อให้โภชนาการเหมาะสม ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพและอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ 

นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าขยายตลาดส่งออก JINNY จากเดิม 20 ประเทศ เป็น 30 ประเทศภายในสิ้นปี 2568 เพื่อรองรับตลาดโลกที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศและการส่งออกอยู่ที่ 50:50 สะท้อนความแข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดโลกที่มีศักยภาพสูงคือเอเชียและอาเซียน

การดำเนินงานของ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท ฟู้ด จำกัด ภายใต้การนำของนายกิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ จึงเป็นมากกว่าการทำธุรกิจ แต่เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการสัตว์เลี้ยงไทย ด้วยการผสานนวัตกรรมสินค้าคุณภาพระดับโลกเข้ากับความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,146 วันที่ 6 - 8 พฤศจิกายน  พ.ศ. 2568