สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ กรมส่งเสริมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า ประเทศออสเตรเลียได้มีการสั่งห้ามนำเข้าหินเทียม โดยเริ่มใช้ วันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่ฝผลิตภัณฑ์หินเทียมจัดเป็นสินค้ายอดนิยมติดอันดับ 1 ใน 5 Benchtop ที่ถูกนำมาใช้ในห้องครัวมากที่สุด
ทั้งนี้ ในปี 2566 Safe Work Australia ได้ผลักดันให้ภาคครัวเรือนออสเตรเลียเลิกใช้ผลิตภัณฑ์หินเทียม ซึ่งเป็นสาเหตุให้อัตราการป่วยเป็นโรคซิลิโคสิสของแรงงานแร่ใยหินในภาคอุตสาหกรรมหินสังเคราะห์ออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้ผลิตภัณฑ์หินเทียมถูกห้ามใช้ จัดหาและผลิตในออสเตรเลียตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2567 และกำหนดให้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2567 ผู้รับเหมาที่ต้องดำเนินการเกี่ยวข้องกับหินเทียมต้องขอใบอนุญาตก่อนดำเนินการ
ขณะเดียวกัน ปี 2566 ออสเตรเลียมีการนำเข้าของทำด้วยซีเมนต์ คอนกรีตหรือทำด้วยหินเทียม มีมูลค่าเฉลี่ย 200 ล้านดอลลาร์ต่อปี สินค้า 60% นำเข้าจากจีน รองลงมาคือ อิสราเอล สเปน เวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งมีการนำเข้าลดลงเกือบทุกประเทศยกเว้นสินค้าจากอินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้น 80%
ขณะที่ การนำเข้าจากไทยแม้ว่าการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจะมีสัดส่วนไม่เกิน 2% ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าทั้งหมด แต่ในปี 2566 การนำเข้าของทำด้วยซีเมนต์ คอนกรีตหรือทำด้วยหินเทียมจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 205% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ การประกาศห้ามใช้ จัดหา และผลิตหินเทียมในออสเตรเลีย ถือว่าเป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกของทำด้วยซีเมนต์ คอนกรีตหรือทำด้วยหินเทียมจากไทยมีผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าดังกล่าวในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ลดลง 53.6%
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งหลังปี 2567 ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงและก่อสร้างที่พักอาศัยใหม่ในออสเตรเลียยุติการใช้ผลิตภัณฑ์หินเทียมลง และตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 รัฐบาลออสเตรเลียสั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์หินเทียม (Engineered stone) ประเภท Bench tops, Slabs และ Panels เพื่อปกป้องแรงงานในภาคอุตสาหกรรมจากโรคซิลิโคสิสที่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณมูลค่า 32.1 ล้านเหรียญออสเตรเลีย ให้แก่ Australian Border Force ในการเพิ่มประสิทธิภาพและความเข้มงวดด้านการตรวจสอบผลิตภัณฑ์หินเทียมเป็นเวลา 2 ปี เนื่องจากผลิตภัณฑ์หินเทียมส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ