“นภินทร”เดินหน้านโยบาย 3 ด้านเสริมแกร่งภาคธุรกิจ-กระตุ้นรายได้ SME

11 ส.ค. 2567 | 06:11 น.
อัพเดตล่าสุด :11 ส.ค. 2567 | 06:22 น.

“นภินทร“ รมช.พาณิชย์ ติดตามความคืบหน้างานกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขับเคลื่อนนโยบาย 3 ด้านสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการไทย

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและรับฟังความคืบหน้านโยบายที่ได้มอบให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคธุรกิจ โดยมีทั้งหมด 3 นโยบายได้แก่ นโยบายพัฒนาระบบจดทะเบียนนิติบุคคลและข้อมูลธุรกิจ นโยบายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ และนโยบายการกำกับดูแลและสร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ 

สำหรับนโยบายพัฒนาระบบจดทะเบียนนิติบุคคลและข้อมูลธุรกิจ ซึ่งช่วงต.ค.66-มิ.ย.67 มีผู้ใช้งานระบบจดทะเบียนและข้อมูลธุรกิจผ่านทางออนไลน์ถึง 3.6 ล้านคำขอ คิดเป็น 76% ของคำขอทั้งหมด ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ที่ 3 ล้านคำขอคิดเป็น 68% แสดงให้อัตราการเติบโตของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นขณะนี้ระบบให้บริการครอบคลุมเกือบทุกกระบวนงานแล้ว และจะใช้งานได้แบบสมบูรณ์ครบ 100%

“นภินทร”เดินหน้านโยบาย 3 ด้านเสริมแกร่งภาคธุรกิจ-กระตุ้นรายได้ SME

รวมถึงได้ขยายความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำนวน 185 ราย ผ่านระบบ BDEX โดยในจำนวนนี้มี 10 หน่วยงานภาครัฐที่ผู้ใช้บริการไม่ต้องยื่นเอกสารนิติบุคคลอีกต่อไป และจะขยายให้ครบทุกหน่วยงานราชการที่ต้องเรียกเอกสารนิติบุคคลที่มีกว่า 90 หน่วยงานให้ครบ 100% ในอีก 3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้บริการออกหนังสือรับรองนิติบุคคลได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน มีผู้ใช้บริการเลือกขอรับหนังสือรับรองในรูปแบบไฟล์ หรือ e-Certificate File ถึง 63% ของช่องทางการรับเอกสารทั้งหมด และมากถึง 250,449 ราย ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 50%

ด้านนโยบายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ มีความคืบหน้าในการพัฒนาธุรกิจกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจแฟรนไชส์ ได้สร้างแฟรนไชส์หน้าใหม่ป้อนเข้าสู่ตลาด พร้อมด้วยการยกระดับให้มีมาตรฐาน ส่งเสริมให้นักลงทุนตั้งเป้าให้แฟรนไชส์เป็นทางเลือกในการสร้างอาชีพ โดยแผนที่จะดำเนินการในปีข้างหน้าจะเป็นการต่อยอดให้ แฟรนไชส์ไทยมีที่ยืนในตลาดโลกให้ได้

“นภินทร”เดินหน้านโยบาย 3 ด้านเสริมแกร่งภาคธุรกิจ-กระตุ้นรายได้ SME

เพื่อสร้างงานให้ประชาชนและขยายตลาดให้ SME ได้ร่วมมือกับกรมการจัดหางานพาแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมกิจกรรมสร้างงานและเส้นทางสู่อาชีพ ซึ่งจะช่วยให้ SME เข้าถึงลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ด้านธุรกิจร้านอาหาร ร่วมมือกับกรมการท่องเที่ยวเพื่อประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร Thai SELECT เป็นที่รู้จักของนักชิมชาวไทยและต่างชาติ และยังส่งเสริมร้านอาหารไทยให้เข้าร่วมกับโครงการ Thai SELECT อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ มีจำนวน 370 ร้านทั่วประเทศ

อีกทั้งยังมีการขับเคลื่อนร้านค้าโชห่วยถือเป็นนโยบายสำคัญและเร่งดำเนินการเพราะจะทำให้เกิดการหมุนเวียนรายได้ในท้องถิ่นและส่งเสริมให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี โดยได้จับมือกับร้านค้าต้นแบบมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ร้านโชห่วยในท้องถิ่นมีที่ปรึกษา ในปี 2567 จะพัฒนาความรู้ให้ร้านโชห่วยทั่วไทยกว่า 2,600 ราย และพัฒนาเป็นสมาร์ทโชห่วยพลัส

โดยจะปรับภาพลักษณ์จำนวน 150 ร้านค้า และส่งเสริมให้ใช้ระบบ POS จำนวน 100 ร้านค้า รวมถึงการส่งเสริมด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยได้พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ด้าน Digital Marketing ให้สามารถขายสินค้าบนออนไลน์ ผ่านหลักสูตรต่างๆ เช่น หลักสูตรปั้นร้านค้าออนไลน์ขั้นเทพ (OMG) รวมกว่า 32,000 ราย

และการพัฒนาชุมชนออนไลน์ต้นแบบ (Digital Village by DBD) ซึ่งเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการชุมชนให้สามารถขยายโอกาสการตลาดออนไลน์ได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน รวม 96 ชุมชน 55 จังหวัด นอกจากธุรกิจที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น ยังสร้างความเข้มแข็งให้ MOC Biz Club เกิดการสร้างเครือข่ายในพื้นที่มากขึ้น พร้อมพาเข้าร่วมแสดงสินค้าและเจรจาจับคู่ธุรกิจ รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านร้าน Biz Shop ที่ขณะนี้มี 13 ร้าน ใน 11 จังหวัด และจะขยายให้ครบทั่วประเทศภายในปี 2570

สุดท้ายนโยบายการกำกับดูแลและสร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ เป็นนโยบายที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการส่งเสริมธุรกิจเพราะการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเกิดความเชื่อมั่น โดยกำหนดมาตรการป้องปรามการกระทำในลักษณะนอมินี ทั้งการตรวจสอบฐานะการเงินของผู้ลงทุนคนไทย กรณีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 5 ล้านบาทก่อนการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อยืนยันว่าบุคคลนั้นมีศักยภาพในการลงทุนจริง และได้จัดทำแผนตรวจสอบธุรกิจที่เป็นกลุ่มเสี่ยงร่วมกับพันธมิตรเพื่อติดตามการดำเนินธุรกิจภายหลังจัดตั้งนิติบุคคลไปแล้ว

ในปี 2567 พบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินีจำนวน 26,019 ราย เป็นธุรกิจท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และขนส่ง ปัจจุบันได้ประสานความร่วมมือและดำเนินการร่วมกันกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ ปปง. DSI สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมการท่องเที่ยว และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อสืบสวนในเชิงลึกต่อไป อีกทั้ง ยังกำกับส่งเสริมให้สำนักงานบัญชีจัดทำบัญชีให้ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมสร้างนักบัญชีที่มีคุณภาพเพื่อยกมาตรฐานวิชาชีพบัญชีให้เป็นที่ยอมรับในสากล