นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือการบริหารจัดการน้ำ ว่า ปัญหาเรื่องน้ำเป็นปัญหาเร่งด่วนของประเทศไทยที่จะต้องแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นภายในรัฐบาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และคุณภาพน้ำ น้ำดื่ม น้ำใช้น้ำบริโภค จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานเรื่องน้ำเร่งทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดทำแผนงานด้านน้ำระยะ 3 ปี และแผนงานสำคัญระยะยาวเพื่อให้ “น้ำถึงไร่นา น้ำสะอาดทุกหมู่บ้าน แก้ปัญหาภัยพิบัติด้านน้ำ” อย่างยั่งยืน ซึ่งได้มีการเน้นย้ำให้ปรับปรุงโครงการที่มีอยู่เดิมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด
ตลอดจนก่อสร้างโครงข่ายการบริหารจัดการน้ำเพิ่มเติม โดยพิจารณาถึงความเร่งด่วนและความเหมาะสมในการใช้จ่ายงบประมาณเป็นสำคัญ โดยที่ประชุมหารือการบริหารจัดการน้ำได้พิจารณาและเห็นชอบแผน 3 ปี ด้านทรัพยากรน้ำและโครงการสำคัญ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำกินน้ำใช้ ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ตลอดจนภัยพิบัติด้านน้ำอื่น ๆ ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับประชาชนหลายล้านครัวเรือน มประกอบด้วยแผนงาน 5 ด้าน ดังนี้ 1.การเพิ่มน้ำอุปโภคบริโภค
2.การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเดิมและพัฒนาระบบกระจายน้ำ 3.การพัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝน 4.การพัฒนาพื้นที่น้ำท่วมและป้องกันพื้นที่ชุมชนเมือง และ 5.การพัฒนาพื้นที่ต้นน้ำ และการจัดหาน้ำเพื่อให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยต้องการน้ำมาก ซึ่งการที่ไปชวนเข้ามาลงทุน และให้มาตรการภาษีสนับสนุน ถ้ามาแล้วน้ำขาดแคลนก็เป็นเรื่องใหญ่ดังนั้นถ้าบริหารจัดการน้ำในประเทศไทยได้ จะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปได้
“ผมและรัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำให้กับพี่น้องประชาชน โดยจึงได้สั่งการให้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เร่งจัดทำแผนงานด้านน้ำและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อพิจารณาภายในเดือนสิงหาคมนี้ และได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำ โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชน เน้นการสื่อสารและแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ประเมินภาพถ่ายในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากร่วมกับกรมชลประทาน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ สทนช. ร่วมกัน ติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ บริหารจัดการและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชน เพื่อให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด”
“อย่างไรก็ดีการคิกออฟในวันนี้เราจะสามารถแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต และจะไม่ซ้ำรอยปัญหาน้ำท่วมนี้ไม่ซ้ำรอยปี 2554 โดยภาพรวมสถานการณ์ฝนในปีนี้ ณ ขณะนี้อยู่ที่ 56% ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วในช่วงเดียวกันที่ 4%” นายกฯ กล่าวย้ำในตอนท้าย
ด้านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงร่างแผน 3 ปีด้านทรัพยากรน้ำ และโครงการสำคัญใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท เป็นแผนที่อยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่อง ดังนั้นเรื่องงบประมาณไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งจะมีทั้งโครงการใหม่ การปรับปรุงโครงการเดิม การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำที่หากดำเนินการแล้วจะเกิดให้ประโยชน์ และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นแผนดำเนินการของกรมชลประทานอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดขอให้ สทนช.ทำแผนให้เรียบร้อย และได้ข้อสรุปชัดเจนก่อน
ปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตคือ การถ่ายโอนอำนาจของส่วนท้องถิ่น ซึ่งภารกิจสำคัญคืองบประมาณ ผู้ที่มีความรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำที่ยังมีไม่เพียงพอ และการขอใช้พื้นที่รัฐ ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม และกรมธนารักษ์จะต้องมีกรณียกเว้นพิเศษเพื่อให้แผน 3 ปีไปสู่เป้าหมาย ส่วนการประเมินสถานการณ์น้ำปี 67 มีมาตรการป้องกันเฝ้าระวังปัญหาน้ำที่เกิดขึ้นในช่วง 3-4 เดือนที่จะถึงนี้ ที่สำคัญแผน 3 ปีนี้ ไม่ได้ดูแค่เรื่องน้ำท่วม แต่บริหารจัดการน้ำแบบทุกไตรมาส ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง ซึ่งการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านมา หลายโครงการไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการที่มีแผน 3 ปี จะช่วยลดขั้นตอนระบบราชการลง และใช้งบประมาณให้ตรงกับจุดที่ต้องการแก้ไขปัญหา
อนึ่ง จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ขณะนี้ปรากฏการณ์เอนโซที่อยู่ในสภาวะปกติได้เปลี่ยนเข้าสู่สภาวะลานีญาแล้ว ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมไปจนถึงกันยายน 2567 และมีแนวโน้มต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากกระจายไปทั่วประเทศ
กรมชลประทาน ได้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำท่าอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง พร้อมนำข้อมูลการคาดการณ์ปริมาณฝน และปริมาณน้ำท่าจากสถานีโทรมาตร มาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดและสอดคล้องกับสถานการณ์ มีการจัดจราจรน้ำให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกันระหว่างพื้นที่ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ยังได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการติดตามสถานการณ์น้ำท่ารายชั่วโมง เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ มีการกำหนดพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เครื่องจักรสนับสนุนอื่นๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่เสี่ยง ที่พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที
ตลอดจนบูรณาการร่วมกับจังหวัด องค์กรปกครองท้องถิ่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานปฏิบัติตาม 10 มาตรการรองรับฤดูฝนปี 67 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถป้องกันและบรรเทาปัญหาที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด