สรท. มั่นใจ ส่งออกฝ่ามรสุมโต 8% ยังมีปัจจัยเสี่ยงเพียบ

04 ต.ค. 2565 | 08:48 น.

สรท. มั่นใจ ส่งออกฝ่ามรสุมโต 8% ชี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงทั้ง เงินเฟ้อของประเทศคู่ค้าสำคัญทรงตัวอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะสหรัฐฯ ส่งผลต่อค่าเงินของหลายประเทศรวมถึงไทยด้วย จี้ภาครัฐพิจารณาค่าFTทั้งในภาคการผลิตและภาคครัวเรือน แบบค่อยเป็นค่อยไป

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการส่งออกว่า ส่งออกปี 2565 สรท.คาดว่าจะโตตามเป้าที่ 7-8% (ณ เดือนตุลาคม 2565) โดยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญเช่นสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อของประเทศคู่ค้าสำคัญทรงตัวอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะสหรัฐฯ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ดำเนินนโยบายทางการเงินแบบเข้มงวดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

ส่งผลให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯมีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวอย่างมีนัยยะสำคัญก่อให้เกิดความกังวลต่อนักลงทุนและคู่ค้ากับสหรัฐฯ รวมถึงอัตราผลตอบแทนในการถือเงินดอลลาร์สูงขึ้น อุปสงค์เงินดอลลาร์มากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์จึงเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าอย่างรวดเร็วและส่งผลต่อเนื่องถึงสกุลเงินอื่นๆ ทั่วโลก (Currency baskets) ให้ปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

 

ในทางกลับกันไทยอาจเสียเปรียบจากการส่งออกไปยังตลาดอื่นที่มีค่าเงินอ่อนค่ากว่า โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาของไทยลดลง ราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง จากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงยืดเยื้อ ปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง / ประกอบการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้า (FT) ภายในประเทศ ส่งผลต่อเนื่องถึงต้นทุนภาคการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและต้นทุนในการดำรงชีวิตภาคครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก และ 3) ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์, เหล็ก, ธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน แป้งสาลี อาหารสัตว์ ปุ๋ย เป็นต้น 

 

ภาพรวมการส่งออกในเดือนมกราคม – สิงหาคมของปี 2565 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 196,446.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 11% ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 210,578.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 21.4% ส่งผลให้ดุลการค้า ขาดดุลเท่ากับ 14,131.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

  สำหรับข้อเสนอแนะที่สรท.ต้องการให้ภาครัฐควรเร่งส่งออกในช่วงค่าเงินบาทอ่อน แต่ต้องติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด รวมถึงพิจารณาการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้เหมาะสม ด้านพลังงานและต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น ขอให้ภาครัฐช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคมากเกินไป ขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณาควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้า (FT) ทั้งในภาคการผลิตและภาคครัวเรือน แบบค่อยเป็นค่อยไป ให้เร่งแก้ไขปัญหากฎระเบียบด้านการถ่ายลำ (Transshipment) เพื่อดึงดูดเรือแม่เข้ามาให้บริการแบบ Direct Call ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการรับส่งสินค้า รวมถึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนค่าระวางเรือให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศ