แอตต้า เปิดเวทีเจรจาธุรกิจครั้งใหญ่ หวังดันต่างชาติเที่ยวไทย 39 ล้านคนปี 2569

24 ธ.ค. 2568 | 18:05 น.

แอตต้า เตรียมจัดงาน 'Thailand Tourism and MICE Next 2026' บูมท่องเที่ยว 2569 ครั้งแรกในไทยที่จะเปิดเวทีจราจรธุรกิจ B2B แพลตฟอร์ม ดึง 2 พันผู้ซื้อและผู้ขายเข้าร่วมงาน ครอบคลุมทั้งตลาดต่างชาติเที่ยวไทย เที่ยวนอก เที่ยวในประเทศ หมุดหมายงานท่องเที่ยวและไมซ์ของไทยในระดับสากล ดันรายได้ 3,000 ล้านบาท ทั้งประเมินต่างชาติเที่ยวไทยปีหน้า 39 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีน 9 ล้านคน หลังเห็นสัญญาณบวก

นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า แอตต้า ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ เตรียมจัดงาน “ไทยแลนด์ ทัวริสซึ่ม แอนด์ ไมซ์ เน็กซ์ 2026 (Thailand Tourism and MICE Next 2026) ในวันที่ 23 มกราคม 2569 ในการสร้างเวทีในการเจรจาธุรกิจแบบ B2B ในลักษณะ International B2B Platform สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและไมซ์ของไทย ครอบคลุมทั้งตลาด Inbound, Outbound และ Domestic

Thailand Tourism and MICE Next 2026 จะมีการจัด Business Matching มากกว่า 2,000 นัดหมาย ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ผ่านการเจรจาธุรกิจแบบ B2B ที่จะเกิดขึ้นการวางแผนการเดินทาง การจัดประชุมและนิทรรศการ รวมถึงความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต

ทั้งนี้ในฝั่งผู้ซื้อ (buyers) แอตต้าจะเชิญผู้ซื้อจากต่างประเทศจำนวน 300 ราย โดยส่วนใหญ่มาจากตลาดเอเชีย  รวมถึง 100 รายจากประเทศจีน นอกจากนี้ยังจะมี บริษัทนำเที่ยวไทย 500 ราย เข้าร่วมงาน โดยในฝั่งผู้ขาย (sellers) งานนี้จะมีผู้ประกอบการไทยประมาณ 250–300 ราย จากทั้งเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงผู้ประกอบการจากจังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา และจังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยรุนแรง

Thailand Tourism and MICE Next 2026

หัวใจสำคัญของ Thailand Tourism and MICE Next 2026 คือ การสร้างกรอบความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่เพียงการแลกเปลี่ยนเชิงนโยบาย แต่เป็นการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และสามารถส่งต่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว

แอตต้าเชื่อมั่นว่าการจัดงานเทรดโชว์ครั้งนี้ควรทำหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้น (springboard) ในการผลักดันตลาดจีน ให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศอย่างน้อย วันละ 20,000 คน ในช่วงเทศกาลตรุษจีนต้นปีหน้า และตลอดปี 2569 สมาคมยังมีแผนจัด โรดโชว์ในประเทศจีน และตลาดต่างประเทศสำคัญอื่น ๆ อีกหลายแห่ง

นายธนพล ยังกล่าวต่อว่าสำหรับการท่องเที่ยวในปี 2569 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยเกือบ 9 ล้านคนในปี 2569 เพิ่มเท่าตัวจากปีนี้ที่คาดว่าจะปิด 4.5 ล้านคน หลังจากเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ทำให้เกิดเสียงชื่นชมอย่างมากจากชาวจีนบนโลกโซเชียลมีเดีย ส่งผลบวกต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย

แอตต้า เปิดเวทีเจรจาธุรกิจครั้งใหญ่ หวังดันต่างชาติเที่ยวไทย 39 ล้านคนปี 2569

นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังได้เข้าร่วมงานเทรดโชว์ด้านการท่องเที่ยว “CITM 2025” ณ เมืองไหโขว่ มณฑลไห่หนาน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความสัมพันธ์อันดี ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบสองทางระหว่างไทยกับจีน รวมถึงการเปิดให้บริการ เที่ยวบินเช่าเหมาลำใหม่จากจีนเข้าไทย ตั้งแต่เดือนที่แล้ว

ดังนั้นแอตต้าจึงประเมินต่างชาติเที่ยวไทยปีหน้า 39 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีน 9 ล้านคน หลังเห็นสัญญาณบวกดังกล่าว ซึ่งแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39 ล้านคนในปี 2569 ไม่ใช่เป้าหมายที่สูงเกินไป หากภาคการท่องเที่ยวทำงานเชิงรุกอย่างจริงจัง และคาดหวังว่าการเจรจาเพื่อยุติการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จะเกิดขึ้นในเร็ววัน เพื่อส่งผลบวกต่อภาพรวมการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

อีกทั้งเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ในปีหน้า สมาคมหวังว่าหน่วยงานภาครัฐจะให้ความร่วมมือมากขึ้นในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว ประเทศไทยจำเป็นต้องทบทวนมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวใหม่ ๆ เช่น การลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติและพระราชวัง หรือการอุดหนุนค่าที่พัก 1 คืน สำหรับแพ็กเกจท่องเที่ยว 4–5 คืน นายธนพล กล่าวทิ้งท้าย

ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวถึงทิศทางตลาดไมซ์ในปี 2569 ว่า ในปีหน้าประเทศไทยยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากองค์กรใหญ่ เช่น แอมเวย์ (Amway) จัดทริปเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (อินเซนทีฟกรุ๊ป) จำนวนรวม 13,000 คน ทยอยเดือนทาง 10 กรุ๊ป กรุ๊ปละ 1,300 คน ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.-ต้นเดือน เม.ย. 2569 รวมถึงการจัดงานอีเว้นท์ด้านไมซ์ ในระดับนานาชาติที่จะเกิดขึ้น  อาทิ การประชุมประจำปี IMF–World Bank Group ปี 2026 ,งาน Gastech 2026,งาน Global Wellness Summit 2026 ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันการเดินทางแบบกรุ๊ปและการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น 20%

ด้านนายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)  กล่าวว่า การจัดงานไทยแลนด์ ทัวริสซึ่ม แอนด์ ไมซ์ เน็กซ์ 2026 (Thailand Tourism and MICE Next 2026) ใช้วงงบประมาณ 10 ล้านบาทประมาณครึ่งหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานพันธมิตร อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) บริษัทคิงเพาเวอร์

โดยโครงการนี้ถูกวางบทบาทให้เป็นเวทีการเจรจาธุรกิจระดับนานาชาติ ที่จะพัฒนาเป็น หมุดหมายของงานระดับสากลประจำปี เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกสามารถเห็นทิศทาง แนวโน้ม และโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งในมิติ Leisure และ MICE ในภูมิภาคสำคัญของโลกในแต่ละปี พร้อมเปิดพื้นที่ให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่าย ความร่วมมือ และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ส่วนปัญหาการแข่งค่าของเงินบาท ในระหว่างนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยและรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ทำให้ประเทศไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย โดยมองว่าค่าเงินบาทควรจะอยู่ที่ 40 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งก็จะเป็นผลบวกต่อทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว