วันนี้(วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ประกอบด้วย นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา, นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว, นายเศกสันฐ์ ง้าวสุวรรณ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้แทนองค์กรภาคีเครือข่ายภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า
ทั้งนี้เพื่อรายงานสถานการณ์ และผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายเร่งด่วนในการยกระดับศักยภาพและฟื้นฟูความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย มุ่งเตรียมความพร้อมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในปี 2569
นายอรรถกร เปิดเผยภายหลังการหารือว่า การนำภาคเอกชนเข้าพบนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตจำนงค์ของกระทรวงฯ ในการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อมุ่งพัฒนาประเทศไทยให้เป็น “จุดหมายปลายทางคุณภาพ”
ที่มอบทั้ง “มูลค่าที่คุ้มค่า” (Value for Money) และสร้างภาพลักษณ์ “ความเป็นมิตร” (Friendly) ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่กระทรวงฯ กำลังขับเคลื่อนอย่างจริงจัง
โดยได้นำเสนอ 2 มาตรการหลัก ที่เป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาและกระตุ้นตลาดในช่วงเวลานี้ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการเป็น “จุดหมายปลายทางหลัก” ในภูมิภาค
สรุป 2 มาตรการหลักที่ได้รับการผลักดันเชิงนโยบาย
1. มาตรการด้านความปลอดภัยและการฟื้นฟูความเชื่อมั่น (Restoring Trust)
2. มาตรการกระตุ้นตลาดและลดต้นทุนผู้ประกอบการ (Reviving Market Momentum / Quick Win)
นายกรัฐมนตรีได้ให้การตอบรับและแสดงความพร้อมของรัฐบาลในการสนับสนุนการทำงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยเห็นชอบในหลักการที่ต้องเร่งยกระดับมาตรฐานสินค้า บริการ และมาตรการความปลอดภัยให้ทัดเทียมสากล ซึ่งเป็นภารกิจที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลกได้อย่างยั่งยืน
ทั้งยังแจ้งให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผลจากการเดินทางเยือนจีนที่ผ่านมา การเจรจาระหว่าง “รัฐกับรัฐ” เป็นโอกาสที่ภาคเอกชนจะเร่งเจรจาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางระหว่างจีน-ไทย รวมถึงโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจีนจะเดินทางมาหารือข้อตกลงระหว่างไทย-จีน ททท. อาจจะพิจารณาเสนอ MOU ด้านการท่องเที่ยวในคราวเดียวกันเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศสู่ความยั่งยืนต่อไป