การท่องเที่ยวของไทยในปี 2568 ต้องเผชิญกับสารพัดปัจจัยรุมเร้ามากมาย ตั้งแต่ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์สงครามตะวันออกกลาง ภาพลักษณ์ความไม่ปลอดภัยของไทยในสายตานักท่องเที่ยว กระทบการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักด้านการท่องเที่ยวของไทย ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ภัยธรรมชาติ และล่าสุดน้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ ส่งผลให้การท่องเที่ยวของไทยในปีนี้โตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งยังลดลงหากเทียบกับปีที่ผ่านมาอีกด้วย
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุดในปีนี้ โดยคาดว่าในเดือนธันวาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยอยู่ที่ 3.2 ล้านคน ลด 11 % ส่งผลให้ตลอดทั้งปี 2568 คาดว่าจะมีต่างชาติเที่ยวไทยอยู่ที่ประมาณ 32.84 ล้านคน ลดลง 8 % จากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 35.54 ล้านคน และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 1.52 ล้านล้านบาท ลดลง 5 % จากปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 1.61 ล้านล้านบาท
ทั้งยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ก่อนหน้านี้ททท.ได้วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ที่จะต่างชาติเที่ยวไทย 39 ล้านคน สร้างรายได้ 2.23 ล้านล้านบาท
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปัจจัยสนับสนุน คือ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2025 (SEA Games 2025) พบว่ามีกระแสและรายงานข่าวจากประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยเฉพาะใน อินโดนีเซีย มาเลเชีย และ เวียดนาม พบว่ามีความตื่นตัว และมีแนวโน้มการเดินทางเข้ามาชมการแข่งชัน ซีเกมส์ 2568 ในประเทศไทยสูง
โดยเวียดนาม มีความชอบในกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล (ทีมชาติเวียดนามชุด U-23 คือเป็นคู่ปรับสำคัญของไทย) และเป็นชาติที่ส่งกองเชียร์เดินทางมาเชียร์กับชาติของตนในต่างประเทศมากที่สุดชาติหนึ่งในอาเซียน หากทีมฟุตบอลเวียดนามเข้าสู่รอบลึก ๆ จะยิ่งมีการเดินทางเข้ามาอย่างมาก
สำหรับอินโดนีเซีย มีแฟนกีฬาที่ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกีฬาที่มีศักยภาพในการคว้าเหรียญอย่างฟุตบอลและแบดมินตัน กระแสในโซเชียลมีเดียของอินโดนีเซีย จะมุ่งเป็นไปที่ การจับคู่ตัวเข้าชม (Ticket Matching) กับแพ็คเกจทัวร์ไทย ที่ขายโดยบริษัทท่องเที่ยวในจาการ์ตา ส่วนมาเลเซีย จากเดิมที่นักท่องเที่ยววางแผมขับรถข้ามพรมแดน หรือ เดินทางด้วยรถไฟ อาจมีปรับแผนเดินทางโดยเครื่องบินแทน โดยเฉพาะกลุ่มแฟนบอลและแฟนฮอกกี้ที่นิยม
รวมถึงการส่งเสริมและกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงปลายปี อาทิ งานเคาท์ดาวน์ และการประดับตกแต่งไฟ ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการฉลองปีใหม่ในบรรยากาศที่ตื่นเต้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวหลัก งานวิจิตรเจ้าพระยา 9 พ.ย.-23 ธ.ค.นี้ งาน Amazing Thailand Countdown 2026 (Iconsiam) งาน Disney The Magical Stars 2026 at centralwOrld
ส่วนปัจจัยอุปสรรค ได้แก่ ผลกระทบสถานการณ์ท่องเที่ยวภาคใต้จากเหตุการณ์อุทกภัย โดยเฉพาะน้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักอันดับ 1 ของหาดใหญ่ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเชียจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจลดลงถึง 55%
ตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซียส่วนใหญ่ กว่า 73 % เดินทางเข้าไทยผ่านด่านชายแดนทางบกบริเวณภาคใต้ของไทย และการเสียโอกาสจากการเดินทางเข้ามาชมกีฬา ที่มีการจัดการแข่งขันที่สงขลา โดยจะย้ายเข้ามาแข่งที่กรุงเทพฯทั้งหมด กระทบต่อนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะตลาดมาเลเซีย ที่นักเดินทางข้ามพรมแดนเข้า
รวมถึงสถานที่สำคัญเสียหาย โดยเฉพาะย่านธุรกิจสำคัญ เช่น ตลาดกิมหยง ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำท่วม ทำให้ต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดและซ่อมแซม สินค้า/สถานที่ ผู้ประกอบการในสงขลายังคงต้องการเวลาในการฟื้นฟูอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้สามารถกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง โดยในช่วงธันวาคม 2568 การท่องเที่ยวในพื้นที่จึงยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวและเน้นการเยียวยาฟื้นฟู
นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากค่าเงินบาทผันผวน จากค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอาจแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง (อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือน พ.ย. 68 อยู่ที่ 32.39 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จาก เดือน ต.ค. 68 อยู่ที่ 32.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้ไทยเสียเปรียบ เมื่อเทียบค่าเงินของคู่แข่งและจุดหมายปลายทางอื่น ซึ่งความผันผวนของค่าเงินส่งผลกระทบต่อการวางแผนการใช้จ่าย และการเลือกจุดหมายการเดินทาง
รวมไปถึงการแข่งขันเพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติในแถบเอเชีย อาทิ เวียดนาม จัดแคมเปญขนาดใหญ่เพื่อต้อนรับช่วงคริสต์มาส และปีใหม่ 2569 อย่างเป็นทางการ (ระหว่าง 1 ธันวาคม 2568 - 1 มกราคม 2569) โดยเฉพาะในเมืองสำคัญ เช่น ดานัง ที่มีการเสนอส่วนลดบริการต่าง ๆ มากกว่า 20,000 รายการ ส่วนมาเลเซีย ขยายการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ออกไปจนถึง 31 ธันวาคม 2569 ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการแย่งชิงตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง
ขณะที่รายได้จากตลาดในประเทศ (ไทยเที่ยวไทย) คาดว่าในเดือนธันวาคมนี้ จำมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 19.04 ล้านคน-ครั้ง ลดลง 1% ทำให้คาดว่าตลอดทั้งปี 2568 จะมีคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ 206.63 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 3 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ 1,164,424 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งกว่า 73% เป็นการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองหลัก ลดลง 0.1% และเที่ยวเมืองน่าเที่ยว(เมืองรอง) 27% เพิ่มขึ้น 0.1%
ปัจจัยสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม มาจากสภาพอากาศหนาว และวันหยุดยาว ผลสำรวจแผนการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในไตรมาส 4/2568 ของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) พบว่า คนไทยกว่า 94% วางแผนเดินทางในเดือนธันวาคม โดยเฉพาะวันหยุดยาว ตั้งแต่วันพ่อแห่งชาติที่ปีใหม่ และเสาร์-อาทิตย์
ปัจจัยบวกจากอากาศหนาว และเป็นช่วงไฮซีซันในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ นครราชสีมา การจัดเทศกาลและงานประเพณีต่างๆ ซึ่งกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมีความสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์เเละความสนใจของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม จึงคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเดินทางทั่วประเทศ อาทิ Amazing Thailand Countdown กว๊านพะเยา ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส สกลนคร งานวิจิตรเจ้าพระยา การจัดเทศกาลดนตรี งานศิลปะร่วมสมัย กิจกรรมแสงสีตอนกลางคืน เป็นต้น
นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ มาตรการ “เที่ยวดี มีคืน” (สิ้นสุดการใช้สิทธิ์ 15 ธ.ค. 68)สำหรับบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ที่ได้สิทธิ์ลดหย่อนค่าที่พัก ร้านอาหารและค่าใช้จ่ายในการจัดอบรมสัมมนา และในพื้นที่เมืองน่าเที่ยวลดหย่อนได้เพิ่ม จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่เมืองน่าเที่ยว ในช่วงครึ่งแรกของเดือนธันวาคม
โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” (สิ้นสุดการใช้สิทธิ์ 31 ธ.ค. 68) ภาครัฐช่วยจ่าย 50% สูงสุด 200 บาทต่อวัน ช่วยลดภาระค่าครองชีพ และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในร้านอาหารและคาเฟ่ในเมืองท่องเที่ยวได้ดี เนื่องจากยังมีผู้ที่ใช้สิทธิ์ไม่เต็มวงเงินประมาณ 18 ล้านราย และมีแนวโน้นที่จะใช้จ่ายจนครบก่อนสิ้นสุดโครงการ
การจัดการท่องเที่ยวด้วยรถไฟ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเดินทางในช่วงวันหยุด ตลอดเดือนธันวาคมนี้ อาทิ SRT Royal Blossom แบบ One Day Trip นั่งรถไฟลอยน้ำชมเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” (ลพบุรี) KIHA 183 แบบพักค้างคืน(กาญจนบุรี,ประจวบคีรีขันธ์)
ในด้านปัจจัยอุปสรรค ก็มีเรื่องของ “ค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง” คนไทยยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย โดยเฉพาะด้านท่องเที่ยวแม้เป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว แต่การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เน้นทริปใกล้บ้าน คุ้มค่า ประหยัด ซึ่งการค้นหา ที่เที่ยว ที่พัก” ผ่าน Google Trends ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ สอดคล้องกับผลสำรวจแผนการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในไตรมาส 4/2568 ของสทท. พบว่า คนไทยกว่า 67 % วางแผนท่องเที่ยวแบบพักค้างคืนภายในภูมิภาค
ทั้งยังมีเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทย โดยในปลายปี 2568 คนไทยเดินทางเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม และจีน ซึ่งมีการค้นหา “ที่เกี่ยว” ผ่าน Google Trends เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 80 % (10-24 พ.ย. 68) เนื่องจากค่าตั๋วต่างประเทศถูกลง มีเที่ยวบินมากขึ้น ค่าเงินมากแข็งบางช่วง การแข่งขันดึงคนไทยจากหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เวียดนาม จีน
ปัญหาภาคใต้ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าในเดือนธันวาคม ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ลงไป (60-80%) ทะเลมีคลื่นลมสูง เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก การเดินทางทางเรือและกิจกรรมทางทะเลมีความเสี่ยง อาจทำให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางท่องเที่ยวเข้าพื้นที่
ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางการท่องเที่ยวตลอดปีนี้ที่ลดลงจากปีที่ผ่านมา
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,158 วันที่ 18 - 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568