วันนี้(วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568) บริษัทแอร์บัส (Airbus) ได้ประกาศดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเร่งด่วน เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 หลังการวิเคราะห์เหตุการณ์ผิดปกติของเครื่องบิน JetBlue A320 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา พบว่ารังสีสุริยะที่มีความเข้มสูงอาจทำให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบควบคุมการบินเกิดการคอร์รัปชัน
ส่งผลให้เครื่องบินมีการกดหัวลงโดยไม่มีคำสั่งจากนักบิน เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การลงจอดฉุกเฉินที่เมืองแทมปา สหรัฐอเมริกา และตรวจพบความบกพร่องในคอมพิวเตอร์ควบคุมการบิน Thales ELAC 2
จากการประเมินของ Airbus ระบุว่าเครื่องบินตระกูล A320 ที่ปฏิบัติการอยู่ทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่ามีเครื่องบินที่อยู่ในข่ายความเสี่ยงมากถึงประมาณ 6,000 ลำ
ทั้งนี้เพื่อรับมือกับประเด็นดังกล่าว Airbus ได้ออกเอกสาร Alert Operators Transmission (AOT) ให้สายการบินดำเนินมาตรการป้องกันทันที ทั้งการอัปเดตซอฟต์แวร์และติดตั้งอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น เพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยของฝูงบิน
ขณะที่สำนักงานความปลอดภัยการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ได้ออก Emergency Airworthiness Directive (EAD) เพื่อสนับสนุนมาตรการดังกล่าว โดยระบุว่า หากไม่มีการแก้ไข ความผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่ “การขยับของ Elevator โดยไม่ได้รับคำสั่ง ซึ่งอาจเกินขีดจำกัดโครงสร้างของอากาศยาน” ถือเป็นคำเตือนที่เน้นย้ำถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
มาตรการต่าง ๆ ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติการของสายการบินหลายแห่ง โดย Air France ได้สั่งระงับการใช้งานเครื่องบิน A320 จำนวน 41 ลำ ขณะที่ American Airlines ได้หยุดปฏิบัติการเครื่องบินในตระกูลเดียวกันแล้ว 30 ลำ จากจำนวนทั้งหมด 343 ลำ คาดว่าสายการบินอื่น ๆ อาจประกาศดำเนินการในลักษณะเดียวกันในระยะต่อไป
Airbus ยอมรับว่าการดำเนินมาตรการครั้งนี้อาจทำให้เกิดความล่าช้าและความไม่สะดวกแก่ผู้โดยสาร แต่ยืนยันว่าความปลอดภัยของการบินยังคงเป็นปัจจัยสูงสุดของบริษัท และจะทำงานร่วมกับสายการบินทั่วโลกอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยเร็ว