คณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างพรบ.โรงแรมฉบับใหม่ 19 พ.ย.- 3 ธ.ค.นี้

21 พ.ย. 2568 | 07:16 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ย. 2568 | 07:44 น.

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างพรบ.โรงแรมฉบับใหม่ 19 พ.ย.- 3 ธ.ค.นี้ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 เพื่อขยายขอบเขตให้ครอบคลุมประเภทและชนิดของสถานที่พักแรมที่มีความหลากหลายในปัจจุบัน

คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติสถานที่พักแรม พ.ศ. .... (ครั้งที่ 2) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 เพื่อขยายขอบเขตให้ครอบคลุมประเภทและชนิดของสถานที่พักแรมที่มีความหลากหลายในปัจจุบัน

รวมทั้งเพิ่มมาตรการในการอำนวยความสะดวกการประกอบธุรกิจสถานที่พักแรม การคุ้มครองผู้ใช้บริการสถานที่พักแรม และการส่งเสริมการประกอบธุรกิจสถานที่พักแรม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจสถานที่พักแรมสามารถเข้าสู่ระบบการกำกับดูแลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีในปัจจุบัน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบธุรกิจและประเทศไทยโดยรวม

สรุปสาระสำคัญ ร่าง พ.ร.บ. สถานที่พักแรม พ.ศ. ....ปรับโครงสร้างกฎหมายโรงแรม 2547 รองรับธุรกิจหลากหลายรูปแบบ

หลักการและการยกเลิกกฎหมายเดิม

ร่างพระราชบัญญัติสถานที่พักแรม พ.ศ. .... ถูกจัดทำขึ้นบนหลักการของการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยโรงแรม โดยมีเหตุผลสำคัญคือ พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 ที่บังคับใช้มาเป็นเวลานานนั้น มีบทบัญญัติและมาตรการที่ใช้กับการประกอบธุรกิจโรงแรมซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารและมีขนาดใหญ่ ซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบันที่มีการประกอบธุรกิจสถานที่พักแรมลักษณะใหม่ ๆ เกิดขึ้นและขยายตัวอย่างรวดเร็ว

เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างพรบ.โรงแรมฉบับใหม่

ธุรกิจสถานที่พักแรมลักษณะใหม่ดังกล่าวรวมถึง สถานที่พักแรมขนาดเล็ก สถานที่พักแรมในลักษณะเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) และสถานที่พักแรมในท้องถิ่นหรือชุมชน เช่น โฮมสเตย์, เต็นท์, ลานกางเต็นท์, แพ, และรถบ้าน

การปรับปรุงกฎหมายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัญหาอุปสรรค อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ กำหนดมาตรการที่เหมาะสมกับประเภทและลักษณะของสถานที่พักแรมที่แตกต่างกัน คุ้มครองผู้ใช้บริการ ตลอดจนส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานการประกอบธุรกิจเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

ร่างพระราชบัญญัตินี้จะถูกใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่มาตรา 75 วรรคสอง และมาตรา 79 วรรคสอง ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยเมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ จะให้มีการยกเลิกพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 

การแบ่งจำพวกสถานที่พักแรมและข้อกำหนดการดำเนินการ

ร่าง พ.ร.บ. สถานที่พักแรม ได้กำหนดให้สถานที่พักแรมหมายถึง สถานที่พักทุกประเภทที่ให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือสถานที่พักลักษณะอื่นใด และแบ่งสถานที่พักแรมออกเป็นสามจำพวก:

สถานที่พักแรมจำพวกที่ 1 (แจ้งให้นายทะเบียนทราบ): ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบก่อนจึงจะประกอบธุรกิจได้ ได้แก่

  • โรงแรมที่มีจำนวนห้องไม่เกิน 8 ห้อง และจำนวนผู้พักไม่เกิน 30 คน
  • สถานที่พักแรมที่ให้บริการบ้านพักหรือห้องพักที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอยู่อาศัย โดยผู้ให้บริการมีบ้านพักหรือห้องพักจำนวนไม่เกิน 8 หน่วย
  • สถานที่พักแรมในลักษณะหรือรูปแบบอื่น เช่น โฮมสเตย์ เต็นท์ ลานกางเต็นท์ แพ และรถบ้าน

สถานที่พักแรมจำพวกที่ 2 (ขึ้นทะเบียน): ต้องขึ้นทะเบียนต่อนายทะเบียนก่อนจึงจะดำเนินการได้ ได้แก่

  • โรงแรมที่มีจำนวนห้องมากกว่า 8 ห้อง แต่ไม่เกิน 40 ห้อง หรือจำนวนผู้พักมากกว่า 30 คน แต่ไม่เกิน 150 คน
  • สถานที่พักแรมที่มีลักษณะเป็นอาคารอยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
  • สถานที่พักแรมที่ให้บริการบ้านพักหรือห้องพักที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอยู่อาศัย โดยผู้ให้บริการมีบ้านพักหรือห้องพักจำนวนมากกว่า 8 หน่วย แต่ไม่เกิน 40 หน่วย
  • สถานที่พักแรมที่มีลักษณะ รูปแบบ บริการ หรือเงื่อนไขพิเศษที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้พัก ผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง หรือประชาชนทั่วไป ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

สถานที่พักแรมจำพวกที่ 3 (ได้รับใบอนุญาต): ต้องได้รับใบอนุญาตก่อนจึงจะดำเนินการได้ ได้แก่

  • โรงแรมที่มีจำนวนห้องมากกว่า 40 ห้อง หรือจำนวนผู้พักมากกว่า 150 คน
  • สถานที่พักแรมที่ให้บริการบ้านพักหรือห้องพักที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอยู่อาศัย โดยผู้ให้บริการมีบ้านพักหรือห้องพักจำนวนมากกว่า 40 หน่วย
  • สถานที่พักแรมที่มีลักษณะ รูปแบบ บริการ หรือเงื่อนไขที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศ หรือเกิดความเสี่ยงต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย หรือความเดือดร้อนรำคาญแก่สาธารณะ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ระบบอนุญาตเพื่อคุ้มครองประโยชน์ส่วนรวม

การบูรณาการระบบอนุญาตและระบบอิเล็กทรอนิกส์

ร่างกฎหมายนี้เน้นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยกำหนดให้กรมการปกครองจัดให้มีระบบและวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการรับแจ้ง คำขอ การออกใบรับแจ้ง ใบรับขึ้นทะเบียน หรือใบอนุญาต และการรับเรื่องร้องเรียน

สำหรับสถานที่พักแรมจำพวกที่ 3 ซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลัก จะถือว่าได้รับใบอนุญาตรองตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับการประกอบธุรกิจสถานที่พักแรมไปพร้อมกันด้วย โดยไม่ต้องแจ้ง ขึ้นทะเบียน หรือยื่นคำขอรับใบอนุญาตรองเหล่านั้นอีก ใบอนุญาตรองที่ถูกบูรณาการเข้าด้วยกันนี้

รวมถึง ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ประเภทโรงแรม, สระว่ายน้ำ, สถานที่ออกกำลังกาย) ใบอนุญาตสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร ใบอนุญาตกิจการสถานบริการ และใบอนุญาตขายสุราหรือยาสูบ

ในกรณีสถานที่พักแรมจำพวกที่ 1 และจำพวกที่ 2 เมื่อมีการแจ้งหรือขึ้นทะเบียนถูกต้องแล้ว จะถือว่าได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประเภทโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขแล้วเช่นกัน

คณะกรรมการและการกำกับดูแล

มีการจัดตั้ง คณะกรรมการส่งเสริมการประกอบธุรกิจสถานที่พักแรม ขึ้น โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ และปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นรองประธานกรรมการ คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจในการเสนอนโยบาย แผน

มาตรการต่าง ๆ เกี่ยวกับการส่งเสริมธุรกิจสถานที่พักแรมต่อคณะรัฐมนตรี ให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงหรือประกาศ รวมถึงการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียน และเสนอแนะการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ ที่ก่อให้เกิดความไม่สะดวกในการประกอบธุรกิจ

ผู้ประกอบธุรกิจต้องแต่งตั้งผู้จัดการสถานที่พักแรม โดยผู้จัดการสถานที่พักแรมจำพวกที่ 2 หรือจำพวกที่ 3 ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด

การบันทึกและส่งข้อมูลผู้พัก

ผู้จัดการมีหน้าที่ต้องบันทึกรายการต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้พักทุกคนและจำนวนผู้พักในแต่ละห้องลงในทะเบียนผู้พักอย่างถูกต้องและครบถ้วนทันทีที่เข้าพัก โดยทะเบียนผู้พักจะจัดทำในระบบอิเล็กทรอนิกส์ และผู้จัดการต้องส่งข้อมูลทะเบียนผู้พักในแต่ละวันให้นายทะเบียนทุก 24 ชั่วโมงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ นายทะเบียนมีหน้าที่ส่งต่อข้อมูลของผู้พักซึ่งเป็นคนต่างด้าวในแต่ละวันให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

การคุ้มครองผู้ใช้บริการ

ในหมวดของการคุ้มครองผู้ใช้บริการ กำหนดให้ข้อความหรือการกระทำที่ใช้ในการโฆษณา การส่งเสริมการขาย หรือข้อตกลงและเงื่อนไขในการเข้าพัก ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจ

ข้อตกลงหรือเงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถแก้ไขหรือยกเลิกสัญญาได้แต่ฝ่ายเดียว, การกำหนดยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญา, หรือการกำหนดให้ผู้ใช้บริการสละสิทธิใด ๆ ไว้ล่วงหน้า ให้เป็นอันใช้บังคับมิได้

ผู้ใช้บริการมีสิทธิยกเลิกการเข้าพักหรือการจองและได้รับเงินคืน (ตามสัดส่วนที่ได้ใช้บริการไป) หากสภาพสถานที่พักแรมหรือที่พักไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ในสาระสำคัญ, เหตุสุดวิสัย, หรือเหตุอื่นใดอันเป็นความผิดของผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้จัดการ ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดให้มีช่องทางร้องเรียนหรือเสนอแนะสำหรับผู้ใช้บริการที่สามารถเห็นได้ง่าย

บทกำหนดโทษและค่าธรรมเนียม

ร่างกฎหมายกำหนดบทลงโทษทางพินัย (ค่าปรับเป็นพินัย) และโทษอาญาสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน

สถานที่พักแรมจำพวกที่ 1  ไม่แจ้งให้นายทะเบียนทราบ หรือประกอบธุรกิจระหว่างถูกสั่งให้หยุด/ห้ามประกอบธุรกิจ ค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท

สถานที่พักแรม จำพวกที่ 2 ไม่ขึ้นทะเบียนก่อน หรือประกอบธุรกิจระหว่างถูกสั่งพัก/เพิกถอน  โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 50,000 ถึง 1,000,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 40,000 บาท

สถานที่พักแรม จำพวกที่ 3 ไม่ได้รับใบอนุญาตก่อน หรือประกอบธุรกิจระหว่างถูกพักใช้/เพิกถอน โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 ถึง 10,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 80,000 บาท

 

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาต/ใบรับต่าง ๆ และค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจรายปีตามจำนวนห้องพัก

ค่าธรรมเนียมใบรับ/ใบอนุญาต (ฉบับละ): ใบรับแจ้ง (สถานพักแรมจำพวก 1) 1,000 บาท ใบรับขึ้นทะเบียน (สถานพักแรมจำพวก 2) 10,000 บาท ใบอนุญาต (สถานพักแรมจำพวก 3) 50,000 บาท

ค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจ (รายปีต่อห้อง) : สถานพักแรมจำพวกที่ 1 ปีละ 30 บาท สถานพักแรมจำพวกที่ 2 ปีละ 50 บาท สถานพักแรม จำพวกที่ 3 ปีละ 80 บาท