นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา รัฐบาลมีนโยบายควิก บิ๊ก วิน (Quick Big Win) เพื่อกระตุ้นและเร่งให้เกิดการฟื้นของเศรษฐกิจในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ปลายปี 2568 ผ่านการเห็นชอบมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวอย่าง เที่ยวดีมีคืน
ถือเป็นมาตรการลดต้นทุนให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการ อาทิ สายการบิน โรงแรม
โดยหากผู้ประกอบการมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลดลง ก็อาจเข้าร่วมทำโปรโมชั่นกระตุ้นการท่องเที่ยวกับรัฐบาลเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดบรรยากาศคึกคักในการท่องเที่ยวช่วงปลายปีนี้
สำหรับความคืบหน้าโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ประชาชนที่ใช้สิทธิจองห้องพักสามารถเดินทางได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา จากนั้นจะมีการประเมินงบประมาณคงเหลือจากการดำเนินโครงการที่ชัดเจนอีกครั้ง
แต่จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะเหลืองบประมาณอยู่ที่ 500 ล้านบาท ทั้งจากส่วนที่ต้องจ่ายสมทบให้กับผู้ประกอบการโรงแรมและการใช้คูปองดิจิทัลในร้านที่เข้าร่วมโครงการ รวมเป็นเงินประมาณ 1,250 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณรวมที่ ครม.อนุมัติให้ 1,750 ล้านบาท
ทั้งนี้เงินที่เหลือดังกล่าวจะเร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันมาใช้ในโครงการทัวร์ไทยคนละครึ่ง ซึ่งเป็นการเดินทางผ่านบริษัททัวร์ โดยจะต้องนำเสนอ ครม.ให้อนุมัติอีกครั้งอย่างเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการเดินท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะออกมาใช้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2569
เป้าหมายการทำงานที่วางไว้คือ ต้องการพาภาคการท่องเที่ยวไทยกลับไปถึงช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เมื่อปี 2562 ที่สามารถทำจำนวนและรายได้แบบสูงที่สุด ซึ่งปี 2568 นี้ อยากให้ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาให้ได้อย่างน้อย 70-80% ของปี 2562 ที่ทำจำนวนไว้ประมาณ 40 ล้านคน จึงต้องทำตลาดทั้งต่างประเทศและในประเทศไปพร้อมกัน โดยต่างประเทศมีโครงการตราสัญลักษณ์ Trusted Thailand เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
รวมถึงการทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบินด้วย ส่วนตลาดในประเทศก็มีเที่ยวไทยคนละครึ่ง ที่ถือว่าประสบความสำเร็จ สามารถกระจายรายได้ ช่วยผู้ประกอบการในห่วงโซ่การท่องเที่ยว และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม
นายอรรถกร กล่าวว่า ส่วนการดำเนินโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จะมีในเฟส 2 หรือไม่ ยังต้องขอพิจารณาก่อน เพราะรัฐบาลต้องเร่งดำเนินโครงการที่เป็นโครงการควิก บิ๊ก วินตามนโยบายของรัฐบาลก่อน จึงสังการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พิจารณาหรือหาโครงการที่กระตุ้นการท่องเที่ยว ในระยะสั้นๆ ที่สามารถดำเนินการได้ทันทีมาก่อน เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติ โดยเฉพาะโครงการที่ไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม หรือหากต้องใช้ก็ต้องเร่งนำเสนอเข้าที่ประชุมเพื่อให้อนุมัติเร็วที่สุด
ด้านนางสาว ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ปี 2568 คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวม 2.6 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 33.4 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทย 205 ล้านคน-ครั้ง ส่วนปี 2569 คาดว่ารายได้ท่องเที่ยวไทยจะเติบโตถึง 2.8 ล้านล้านบาท หรือโตประมาณ 7% จากปีนี้
โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล ที่ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งมีการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และสามารถชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติตลาดระยะใกล้ที่หายไปได้
“นักท่องเที่ยวในตลาดระยะไกลทั้งจากยุโรป สหรัฐ มีส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 11% ส่งผลให้สัดส่วนของรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติของตลาดระยะไกล มีสัดส่วนประมาณเพิ่มขึ้นมาเป็น 31% และตลาดระยะใกล้มีสัดส่วน 69% จากในอดีตมีสัดส่วนรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติในตลาดระยะไกลอยู่ที่ 20% ขณะที่รายได้จากต่างชาติระยะใกล้อยู่ที่ 80% ถือเป็นสัดส่วนที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ” น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวทิ้งท้าย