การบินไทย ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 โกยกำไร 4,421 ล้านบาท หลังกลับเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ ดัน 9 เดือนกำไรทะลุ 2.6 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 73.4% ชี้แม้ Q 3 กำไรจะลดลง 64.6% จากปีก่อน แต่จากการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด ส่งผลให้บริษัทกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (EBITDA) สูงถึง 12,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
วันนี้ (วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2568 (กรกฎาคม-กันยายน 2568) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 4,421 ล้านบาท แม้จะลดลง 64.6% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากปี 2567 มีรายการพิเศษเป็นรายได้สุทธิจำนวน 10,119 ล้านบาท (เช่น กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิและกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้) และรายได้ ในไตรมาส 3 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) จํานวน 44,398 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,430 ล้านบาท (-3.1%)
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทการบินไทย ฯ มีกำไรสุทธิรวม 26,394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.4% จากปีก่อน และมี EBITDA จำนวน 43,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.0% โดยสะท้อนถึงการเติบโตของรายได้รวม 3.7% และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างเหมาะสม ซึ่งทำให้อัตราส่วนผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Assets) เพิ่มขึ้นจาก 6.06% ในปีก่อนเป็น 8.91%
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) จำนวน 44,398 ล้านบาท ลดลง 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การลดลงนี้มีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารที่ลดลง 3.8% และรายได้จากค่าระวางขนส่งลดลง 5.9% ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นและการแข็งค่าของเงินบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ให้ลดลงถึง 7.2% โดยหลักมาจากต้นทุนค่าน้ำมันเครื่องบินที่ลดลงถึง 15.1% เนื่องจากราคาน้ำมันเฉลี่ยปรับลดลง 8.4% และเงินบาทแข็งค่าขึ้น 7.2% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ผลจากการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดนี้ ส่งผลให้การบินไทยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (EBITDA) สูงถึง 12,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) สูงถึง 8,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ความสำเร็จดังกล่าวมาจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางการกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง
ในด้านการดำเนินงาน อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 76.8% (จาก 76.1% ในปีก่อน) และปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 4.0% โดยบริษัทฯ ได้กลับมาให้บริการเส้นทางยุโรป เช่น บรัสเซลล์ (ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2567) และเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางยอดนิยม เช่น เซี่ยงไฮ้และเดนปาซาร์
1. ความสำเร็จครั้งสำคัญด้านองค์กรและสถานะทางการเงิน
2. การดำเนินงานด้านปฏิบัติการและการขยายเครือข่าย
3. ความร่วมมือทางธุรกิจ
4. การลงทุนและการบริหารจัดการสินทรัพย์