แอตต้า ชี้จีนหด ฉุดต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้เหลือ 32 ล้านคน เปิด 5 ชาติเข้าไทยสูงสุด

01 พ.ย. 2568 | 03:20 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ย. 2568 | 04:41 น.

แอตต้า ชี้นักท่องเที่ยวจีนหด คาดฉุดต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้เหลือ 32 ล้านคน เปิด 5 ชาติเข้าไทยสูงสุด จี้ปราบแก๊งสแกมเมอร์ หวังไฮซีซั่นต้องดีกว่าปีก่อน เล็งของบจัดโปรตั๋วบินราคาพิเศษ กระตุ้นเดินทาง ระดมพันธมิตรปั้นอีเวนต์ใหญ่ ขายแพคเกจเที่ยวข้ามภาค เชื่อคนร่วมงาน 1,500 คน

นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า 
คาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวทั้งปี 2568 ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทย 32 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้

เปิด 5 อันดับต่างชาติเที่ยวไทยสูงสุด ตลอดทั้งปี 2568

  • อันดับ 1 จีน 4.6 ล้านคน
  • อันดับ 2 มาเลเซีย 4.5 ล้านคน
  • อันดับ 3 อินเดีย 2.2 ล้านคน 
  • อันดับ 4 รัสเซีย 1.6 ล้านคน
  • อันดับ  5 เกาหลีใต้ 1.5 ล้านคน 

เปิด 5 อันดับต่างชาติเที่ยวไทยสูงสุด

สาเหตุที่ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยสะสมทั้งปีต่ำกว่าเป้าหมายรัฐบาล เนื่องจากสถิตินักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยต่อวันมีประมาณ 1 หมื่นคนต้นๆ เท่านั้น และมีบางวันที่ลดลงต่ำกว่าหมื่นคนด้วย ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นการอยู่รอดของบรรดาผู้ประกอบการ และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยต่อวันยังถือว่าน้อยอยู่เมื่อเทียบกับช่วงปกติ 

การท่องเที่ยวไทยในตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงต่ำสุดแล้ว อย่าต่ำไปกว่านี้เลย โดยหากใช้คำว่าต่ำสุดแล้ว ตามธรรมชาติก็จะปรับดีขึ้นในระยะถัดไป รวมถึงเห็นการทำงานของรัฐบาลที่มีความจริงจัง เป็นผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขยับทำงานตาม เพื่อไม่ให้ถูกจับตามองหรือเกิดปัญหาอะไรขึ้น 

เพราะต้องยอมรับว่าการเมืองในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่สามารถเปลี่ยนแปลงคนในการทำงานหรือบริการองค์กรใดได้ง่ายที่สุด ภาคเอกชนจีงยังคาดหวังว่า ฟ้าหลังฝนต้องสดใสกว่านี้ ในฐานะที่ชินชาแล้วก็ต้องมีปัจจัยบวกรออยู่ข้างหน้า

นายธนพล กล่าวว่า สำหรับการปราบแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ถือว่าส่งผลกระทบเชื่อมโยงมาถึงประเทศไทย เพราะภาพที่ทั่วโลกมองมา มองว่าไทยก็มีปัญหาข้อพิพาทกับกัมพูชา เป็นประเทศที่มีชายแดนติดกัน เมื่อกัมพูชามีปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่สามารถไปเที่ยวได้ ก็มองไทยที่อยู่ติดกันในภาพแบบเดียวกัน 

โดยอยากให้รัฐบาลร่วมมือกันทำงานเพื่อปราบขบวนการที่เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้ง เพราะจากการหารือกับผู้ประกอบการเอเย่นต์ ทัวร์ก็ได้ข้อมูลว่ามีผลกระทบเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

ส่วนการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ภายในเดือนมกราคม 2569 จะมีการจัดงานอีเวนต์ใหญ่ แบบบีทูบี ผ่านการนำพันธมิตรผู้ประกอบการต่างประเทศเข้ามาเจรจาซื้อขายกับผู้ประกอบการไทย เป็นการจัดทำแพคเกจท่องเที่ยวข้ามภาค อาทิ ทัวร์ โรงแรม ทั้งตลาดต่างชาติเที่ยวไทยและไทยเที่ยวไทย ซึ่งจะมีนำร่องเส้นทางท่องเที่ยวด้วย 

โดยคาดการณ์จำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วม 1,500 คน ถือเป็นการกระจายวิธีการเที่ยวแบบใหม่ เชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะหารือกับรัฐบาลใหม่อีกครั้งในเร็วๆ นี้ รวมถึงโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านการจัดทำโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ โดยจะมีการหารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกครั้งเพื่อจัดสรรงบประมาณอีกครั้ง

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงปลายปีนี้เดิมประเมินบรรยากาศและปัจจัยต่างๆ คาดว่าปลายปี 2568 การเดินทางท่องเที่ยวจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่เมื่อมีการจัดพระราชพิธีและกำหนดการถวายความอาลัย บรรยากาศก็อาจแตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะตลาดจีน 

เนื่องจากรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของไทยเดินทางไปหารือกับทูตจีนด้วยตัวเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลจีน และขอให้เปิดประตูนำนักท่องเที่ยวจีนออกมาเที่ยวไทยอย่างน้อยเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านคน จึงยังมีความหวังว่าช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) นี้ ตลาดต่างชาติเที่ยวไทยต้องดีกว่าปี 2567 ที่ผ่านมา