หยุดยาววันชาติจีน Golden Week 2025 ระหว่างวันที่ 1-8 ตุลาคมนี้ แม้คนจีนส่วนใหญ่จะเดินทางเที่ยวในประเทศ แต่ก็พบว่า การเดินทางเที่ยวต่างประเทศ ก็เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น โดยพบว่านักท่องเที่ยวจีนมีการค้นหาการเดินทางต่างประเทศช่วง Golden Week 2025 เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และสถานที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลายมากขึ้นโดยจากข้อมูลของ 2 แพลตฟอร์มดังในจีน รายงานตรงกันว่า “ญี่ปุ่น” ยังครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งในแง่ของการค้นหา และการจองตั๋วเครื่องบิน ส่วนตลาดระยะไกล คนจีนก็นิยมไปเที่ยว ฝรั่งเศส และ อิตาลี
ขณะที่เกาหลีใต้ ก็ติดอันดับจุดหมายปลายทางคำค้นหายอดนิยมในระดับ TOP 10 ของการเดินทางไปเที่ยวในช่วงวันชาติจีนในปีนี้ เนื่องจากเกาหลีใต้ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเป็นกลุ่มตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปผ่านบริษัทนำเที่ยวที่รัฐบาลเกาหลีใต้กำหนด สามารถเดินทางเข้าเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นระยะเวลาสูงสุด 15 วัน เริ่มวันที่ 29 ก.ย.-30 มิ.ย.69
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ช่วงหยุดยาว “วันชาติจีน” หรือ Golden Week ของจีนในปี 2025 ได้สะท้อนภาพใหม่ของตลาดท่องเที่ยวไทยอย่างชัดเจน หากย้อนกลับไปในอดีต ไทยแทบจะเป็น “จุดหมายปลายทางห้ามพลาด” สำหรับนักท่องเที่ยวจีน
แต่ในปีนี้ เราเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ไทยยังคงติดอันดับต้น ๆ ของแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ เช่น Meituan และ Ctrip ทว่ากระแสความร้อนแรงไม่ได้ร้อนแรงอย่างเก่า และการเติบโตเริ่มชะลอตัว
การยกเว้นวีซ่าและภาพจำของไทยในฐานะ “บ้านหลังที่สอง” ยังช่วยพยุงความนิยม แต่ปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายและการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้การฟื้นตัวไม่เร่งแรงเหมือนญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวจีนจำนวนไม่น้อยมองหาทางเลือกใหม่ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย ที่ปรับตัวเชิงโปรโมชั่นและการตลาดได้รวดเร็วกว่า
อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีน โดยทะเลและหมู่เกาะ ภูเก็ตยังคงเป็นตัวหลัก แต่ทัวร์ขนาดใหญ่ลดลง กลายเป็นกลุ่มเล็กและนักท่องเที่ยวอิสระ ขณะที่เกาะเล็ก ๆ อย่างเกาะช้างและเกาะหลีเป๊ะได้รับความสนใจมากขึ้น
ในด้านอาหาร ก็พบว่านักท่องเที่ยวจีนเริ่มแบ่งออกชัดเจน ระหว่างกลุ่มที่ยอมจ่ายแพงเพื่อเข้าร้านหรูหรือมิชลิน และกลุ่มที่ยังคงหลงรักเสน่ห์ของอาหารริมทาง ราคาย่อมเยา แต่มีความกังวลด้านสุขอนามัย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก
ขณะที่วัฒนธรรมและวิถีชีวิต ก็จะพบว่าการท่องเที่ยวเชิง “ถ่ายรูปเช็คอิน” ลดลง ส่วนการแสวงหาประสบการณ์เชิงลึกกลับเติบโต เช่น การสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนที่เชียงใหม่ ชมงานศิลปะร่วมสมัยในกรุงเทพฯ หรือศึกษามรดกประวัติศาสตร์สุโขทัย นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ยังเชื่อมโยงภาพลักษณ์ไทยเข้ากับซีรีส์ ภาพยนตร์ และงานออกแบบ สะท้อนการรับรู้ที่หลากหลายมากขึ้น
อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัจจัยผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จาก 4 ปัจจัย ได้แก่
นายอดิษฐ์ กล่าวต่อว่าสำหรับไทย ความท้าทายนี้ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นแรงผลักให้เกิดการยกระดับ ใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ที่ปรึกษาสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ปัญหาของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยลดลงเกิดจากความวิตกเรื่องความไม่ปลอดภัย แม้แต่วันชาติจีน ปีนี้ คนจีนมาเที่ยวไทยก็ยังคงทรงตัว ไม่หวือหวาเหมือนเมื่อก่อน แต่ไปเที่ยวญี่ปุ่นและเวียดนามเพิ่มขึ้น ซึ่งปัญหานักท่องเที่ยวจีนไม่มั่นใจในความปลอดภัยในการเดินทางมาเที่ยวไทย จากการสื่อสารต่างๆในจีนที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดภาพลบต่อประเทศไทย
ดังนั้นในขณะนี้เมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้ว นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องสื่อสารและสร้างความเชื่อมั่น ทำให้ประเทศไทยปลอดภัยอย่างแท้จริง แก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด เพื่อดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา ก็จะทำให้ไทยมีโอกาสลุ้นนักท่องเที่ยวจีนได้ 5 ล้านคน
เพราะในขณะนี้คิดว่าจีนน่าจะพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ตอนนี้แค่ทรงตัว แต่การจะทำให้จีนทยอยกลับมาเหมือนเดิม ไทยต้องทำเรื่องความปลอดภัยอย่างจริงจัง
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,135 วันที่ 28 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568