ธุรกิจอีเวนต์ปรับตัวน้อมอาลัยสมเด็จพระพันปีหลวง มั่นใจมูลค่าตลาดแตะ 2 หมื่นล้าน

01 พ.ย. 2568 | 20:01 น.

ธุรกิจอีเวนต์ปลายปีนี้ปรับตัวน้อมอาลัยและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระพันปี ส่วนใหญ่เดินต่อได้ โดยลดโทนการจัดงานลง เนื่องจากรัฐบาลประกาศชัดเจนว่าไม่ได้ห้ามการจัดงาน แต่ได้ขอความร่วมมือให้จัดงานในรูปแบบที่เหมาะสมเท่านั้น ยังมั่นใจมูลค่าตลาดอีเว้นท์ปีนี้แตะ 2 หมื่นล้านบาท ภาพรวมอุตสาหกรรมอีเวนต์และการปรับตัว

นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ นายกสมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน เผยว่า ภาพรวมของงานอีเวนต์ในปัจจุบันยังไม่มีการยกเลิกอย่างมีนัยสำคัญ โดยอุตสาหกรรมอีเวนต์ยังคงดำเนินต่อไป ผู้ประกอบการไม่ได้ดาวน์ไซซ์การจัดงาน หรือมีสัญญาณเชิงลบ เพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันประกาศชัดว่าไม่ได้ห้ามการจัดงาน แต่ได้ขอความร่วมมือให้จัดงานในรูปแบบที่เหมาะสมเท่านั้น

อุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ

สิ่งที่เกิดขึ้น คือ การปรับรูปแบบการจัดงานให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เช่น การลดโทนของงานลง หรือมีการเพิ่มพิธีในช่วงก่อนเริ่มงานปรับให้เหมาะสม และเทิดพระเกียรติพระพันปีหลวง

ดังนั้นจึงคาดว่ามูลค่าโดยรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำงานอีเวนต์และออร์แกไนเซอร์ในปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 15,000 -20,000 ล้านบาท สถานการณ์ของธุรกิจอีเวนต์ถือว่าค่อนข้างกลับมาสู่ภาวะปกติแล้ว

รวมถึงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเวลา 4 เดือนนี้ ประกอบกับการจัดงานเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งเสริมภาพลักษณ์ด้าน Festival เช่น งานสงกรานต์ งานลอยกระทง และเคานต์ดาวน์ ที่จะเป็นอีเว้นท์ใหญ่ที่เกิดขึ้น

สำหรับอีเวนต์สำคัญที่คาดว่าจะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างสูง คือ งานพืชสวนโลกที่จังหวัดอุดรธานี ที่มีกำหนดจัดในช่วงปลายปีหน้า งานดังกล่าวถือเป็น เป้าหมายสำคัญที่ธุรกิจจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ หากเทียบกับงานพืชสวนโลกครั้งก่อนที่เชียงใหม่เมื่อหลายปีก่อน มีการประเมินว่ามี economic impact สูงถึง 18,000 ล้านบาท และมีผู้เดินทางท่องเที่ยว 2 ล้านกว่าคน

อีกทั้งรัฐบาลได้ประสานงานมายังสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ เพื่อให้เสนอแนวทางการสนับสนุนที่ต้องการต่อรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลแจ้งว่าไม่สามารถให้งบประมาณได้ เนื่องจากงบประมาณได้ออกมาแล้ว แต่กำลังศึกษาเรื่องสิทธิประโยชน์อื่น ๆ (benefit) เช่น การขอคืนภาษี (VAT 7%) หรือการลดหย่อนภาษีสำหรับการจัดกิจกรรมจากต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือออร์แกไนเซอร์ชาวต่างชาติที่มาจัดงานในไทย

ด้านนายมงคล ศีลธรรมพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้ดำเนินธุรกิจสร้างสรรค์และบริหารจัดการงานอีเวนต์ นิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ งานประชุมสัมมนา คอนเสิร์ต และเฟสติวัล เปิดเผยว่า ช่วงปลายปีถือเป็นฤดูกาลสำคัญของธุรกิจอีเวนต์ ซึ่งปกติมีงานจากทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมากแนวทางของภาครัฐที่ออกมาในลักษณะ “ลดหรืองดตามความเหมาะสม” นั้น

มงคล ศีลธรรมพิทักษ์

ทำให้การตัดสินใจของแต่ละงานขึ้นอยู่กับการตีความของภาคเอกชนและผู้จัดอีเวนต์เป็นหลัก โดยจำเป็นต้องพิจารณาจากความเหมาะสมทางสังคมและบริบทของผู้ร่วมงานแต่ละกลุ่ม

ขณะนี้ CMO มีงานอยู่ในมือประมาณ 40 งาน ส่วนใหญ่เป็นงานของภาคเอกชน โดยประมาณ 10% ของงานดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาการเลื่อนจัดงานเพื่อให้เหมาะสมกับช่วงเวลา สำหรับงานที่มีการเตรียมการไปแล้ว เช่น การติดตั้งเวที ระบบแสง–เสียง หรือการตกแต่งสถานที่

บริษัทได้ดำเนินการปรับรูปแบบงานให้เข้ากับสถานการณ์ โดยลดความบันเทิงลง แต่ยังคงความเป็นสาระและเป้าหมายของงานไว้ ซึ่งในระยะสั้น 15–30 วันจากนี้ งานส่วนใหญ่ยังคงเดินหน้าได้ เพียงแต่จะมีการปรับบรรยากาศให้เหมาะสมมากขึ้น

ในส่วนของผู้จัดงานเทศกาลดนตรีหลายแห่ง อาทิ MONSTER MUSIC FESTIVAL 2025, ENCHANTED FEST 2025 และ LOVE FEST THAILAND: ROCK STAR MUSIC ON THE HILL ได้ยืนยันการจัดงานตามกำหนดเดิม

ทีมผู้จัดทุกงานได้แสดงเจตนารมณ์เดียวกันในการปรับโทนของงานให้เรียบสงบ ลดความรื่นเริงลง และเน้นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์แห่งความเคารพต่อสมเด็จพระพันปีหลวง การจัดงานจะดำเนินภายใต้บรรยากาศแห่งความเคารพและความสงบ และผู้จัดได้กำหนดให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนแต่งกายด้วยชุดสุภาพในโทนสีขาว–ดำ เพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศแห่งการไว้อาลัย

ขณะเดียวกัน ห้างค้าปลีก เดอะมอลล์กรุ๊ป ได้เปิดเผยถึงการทบทวนรูปแบบการจัดกิจกรรมอีเวนต์ขนาดใหญ่ในช่วงปลายปีเช่นกัน ซึ่งรวมถึงงานลอยกระทง คริสต์มาส และเคาท์ดาวน์ปีใหม่ และอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์และทิศทางของสังคม ณ ขณะนี้

ขณะที่นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ของธุรกิจการจัดแสดงสินค้า (Exhibition) ว่าธุรกิจนี้ไม่ได้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากพิธีหรือวาระต่างๆ ที่เกิดขึ้น

รุ้งเพชร ชิตานุวัตร์

เนื่องจากงานที่จัดขึ้นในประเทศไทยช่วงปลายปี 2568 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนงานอื่น ๆ ที่มีกำหนดการต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ กิจกรรมพื้นฐานของงานแสดงสินค้า อาทิ การประชาสัมพันธ์ การแถลงข่าว และกิจกรรมอื่น ๆ ยังคงไว้เช่นเดิม ภาพรวมธุรกิจในการจัดงานไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากกิจกรรมหลักของการจัดงานแสดงสินค้าคือการเจรจาธุรกิจเป็นหลัก (Business-to-Business) ซึ่งลูกค้าที่ออกบูทมาพบปะกันยังคงดำเนินการต่อไป

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,145 วันที่ 2 - 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568