ในปีนี้แม้นักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์จีนจะชะลอตัวในการเดินทางมาเที่ยวไทย ส่งผลให้ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้หดตัว แต่ในช่วงไฮซีซันนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในทางบวก จากจำนวนสายการบินต่างๆที่ยื่นคำขอเปิดทำการบินเข้าไทย สำหรับเส้นทางบินระหว่างประเทศ ในช่วงตารางบินฤดูหนาว 2568/2569 (Winter 2025) ระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม 2568 - วันที่ 28 มีนาคม 2569
โดยพบว่ามีจำนวนสายการบินยื่นคำขอ และได้รับการจัดสรรเวลาการบินแล้ว มีจำนวนใกล้เคียงกับช่วงตารางบินฤดูหนาว 2567/2568 เนื่องจากแม้สายการบินจีนจะชะลอตัวไป แต่มีเที่ยวบินจากตลาดระยะไกล อย่าง ยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชียใต้ ที่สถานการณ์การบินกลับมาขยายตัวและเติบโตกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว ทั้งยังมีสายการบินใหม่ๆเข้าไทยเพิ่มขึ้นด้วย
พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วง “ตารางการบินประจำฤดูหนาว 2568/2569” นี้ มีจำนวนสายการบินยื่นขอรับการจัดสรรเวลาการบิน สำหรับสนามบินหลักของประเทศไทยและได้รับการจัดสรรไปเรียบร้อยแล้วไม่ต่ำกว่า 255 สายการบิน เฉพาะสนามบินเมืองหลักของไทย
โดยสนามบินสุวรรณภูมิ มี 127 สายการบิน (21 สายการบินคาร์โก้) สนามบินดอนเมือง 17 สายการบิน, สนามบินภูเก็ต 68 สายการบิน (1 สายการบินคาร์โก้) สนามบินเชียงใหม่ 30 สายการบิน สนามบินสมุย 2 สายการบิน และสนามบินอู่ตะเภา 11 สายการบิน
ทั้งนี้หากจัดกลุ่มประเทศต้นทาง/ปลายทางที่มีเส้นทาง ทำการบินมายังประเทศไทย 10 อันดับแรก จะเป็นเส้นทางที่มาจากประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และกัมพูชา ทั้งยังพบว่ามีสายการบินรายใหม่ ขอรับการจัดสรรเวลาการบินมายังสนามบินหลักของประเทศไทยใน Winter 2025 นี้หลายสายการบิน รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่ อาทิ
“สนามบินสุวรรณภูมิ” ได้แก่ สายการบิน “ยูไนเต็ด แอร์ไลน์” ของสหรัฐอเมริกา เปิดทำการบินทุกวัน เส้นทาง ลอสแอนเจลิส - ฮ่องกง - สุวรรณภูมิ และกลับ ด้วยโบอิ้ง B789 จำนวน 257 ที่นั่ง สายการบิน “Norse Atlantic UK” สายการบินของสหราชอาณาจักร ทำการบินทุกวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์ เส้นทาง ลอนดอน แกตวิก- สุวรรณภูมิ และทำการบิน ทุกวันพฤหัสบดี เส้นทาง แมนเชสเตอร์- สุวรรณภูมิ ด้วยโบอิ้ง B787-9 จำนวน 338 ที่นั่ง
สำหรับสนามบินดอนเมืองไม่มีสายการบินรายใหม่ แต่มีสายการบิน “ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์” ขอทำการบินในเส้นทางบินใหม่ เส้นทาง ริยาด-ดอนเมือง และกลับ สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน และเส้นทาง อัลมา-อาตา- ดอนเมือง และกลับ สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน ด้วยแบบแอร์บัส A330 จำนวน 377 ที่นั่ง
สนามบินภูเก็ต “แอร์ฟรานซ์” สายการบินของประเทศฝรั่งเศส ทำการบินทุกวัน เส้นทาง ปารีส- ภูเก็ต ด้วยโบอิ้ง B777 จำนวน 472 ที่นั่ง “Norse Atlantic Airways” สายการบินของประเทศนอร์เวย์ ทำการบินทุกวันพฤหัสบดี เส้นทาง สต็อกโฮล์ม-ภูเก็ต และทำการบินทุกวันอังคาร เส้นทาง ออสโล - ภูเก็ต ด้วยโบอิ้ง B787-9 จำนวน 338 ที่นั่ง “SkyUp MT” เป็นต้น
สนามบินเชียงใหม่ “เอทิฮัด แอร์เวย์ส”สายการบินของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำการบินทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ เส้นทาง อาบูดาบ -เชียงใหม่ ด้วยแอร์บัส A321neo จำนวน 223 ที่นั่ง
สนามบินอู่ตะเภา ได้แก่ “Qanot Sharq” สายการบินของประเทศอุซเบกิสถาน ทำการบินแบบโปรแกรมชาร์เตอร์ ทุกวันอาทิตย์ (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2569) เส้นทาง ทาชเคนต์-อู่ตะเภา ด้วยแอร์บัส A330-200 จำนวน 345 ที่นั่ง “Belavia” สายการบินของประเทศเบลารุส ทำการบินแบบโปรแกรมชาร์เตอร์ ทุกวันจันทร์ และศุกร์ เส้นทาง มินสก์-อู่ตะเภา และกลับ ด้วยแอร์บัส A330-200 จำนวน 281 ที่นั่ง
ในภาพของเที่ยวบินในตารางบินฤดูหนาวในปีนี้ สายการบินจีน ก็ยังมีการเปิดบินเข้าไทยเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วน 31 % แม้ว่าจะลดลงไป 11 สายการบินก็ตาม ส่วนอันดับ 2 เป็นเส้นทางบินจากอินเดีย 13 % และ อันดับ 3 จากเวียดนาม 9%
ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในช่วงไฮซีซันนี้ พบว่า มีการเปิดเส้นทางบินใหม่รวมกว่า 80 เส้นทาง ทั้งจากเมืองหลักและเมืองรองของต่างประเทศสู่จุดหมายปลายทางของไทย
รวมถึงททท.ยังได้ดำเนินโครงการ Thailand Summer Blast สนับสนุนการเปิดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ โดยเฉพาะจีนเข้าไทย รวม 731 เที่ยวบินในช่วงไฮซีซันนี้ อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต และระยอง (อู่ตะเภา) อาทิ เส้นทางซีอาน-กรุงเทพฯ 52 เที่ยวบิน, เส้นทางซีหนิง-กรุงเทพฯ 16 เที่ยวบิน ,เส้นทางเฉิงตู-กรุงเทพฯ 34 เที่ยวบิน
เส้นทางเฉิงตู-เชียงใหม่ 29 เที่ยวบิน, เส้นทางเหอเฟย-กรุงเทพฯ 62 เที่ยวบิน, เส้นทางหวงซาน-กรุงเทพฯ 30 เที่ยวบิน, เส้นทางจี่หนาน-กรุงเทพฯ 93 เที่ยวบิน,เส้นทางกุ้ยหยาง-เชียงใหม่ 7 เที่ยวบิน
เส้นทางอู๋ซี- กรุงเทพฯ 103 เที่ยวบิน, เส้นทางฉางโจว- กรุงเทพฯ 84 เที่ยวบิน ,เส้นทางต้าตง- กรุงเทพฯ 40 เที่ยวบิน เส้นทางมาเก๊า-กรุงเทพฯ 61 เที่ยวบิน
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า การท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน จะพบว่าในช่วงตารางบินฤดูหนาวปีนี้ มีเที่ยวบินเปิดจุดบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะจากเส้นทางบินระยะไกล (Long-haul)ทั้งจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งปีนี้แม้แต่ช่วงโลว์ซีซันที่ผ่านมาก็ยังเห็นการขยายตัวของนักท่องเที่ยวยุโรป
ในช่วงไฮซีซันนี้ก็มีปริมาณเที่ยวบินใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลที่เดินทางมาเที่ยวไทยในปีนี้ เติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงไฮซีซันนี้ ยังคงเป็นเมืองหลักและแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ได้แก่ ภูเก็ต สมุย กระบี่ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ โดยจังหวัดกระบี่ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเปิดใช้งานอาคารผู้โดยสารใหม่
อีกทั้งด้วยตลาดระยะไกล เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ ทำให้ความต้องการเข้าพักในในเมืองหลักเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในช่วงไฮซีซันนี้โรงแรมระดับ 5 ดาวจะได้รับการจองเต็มก่อน จากนั้นความต้องการก็ไหลไปถึงโรงแรมระดับ 4 ดาว
ส่วนโรงแรมระดับ 2-3 ดาวก็จะยังไม่ได้ดีมากนัก เนื่องจากโรงแรมเหล่านี้ส่วนใหญ่จะพึงพานักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีน ที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งเทรนด์นักท่องเที่ยวจีนปลี่ยนไปเป็นนักท่องเที่ยวอิสระ หรือ FIT แล้ว
หลายแห่งประสบปัญหา แต่ก็ยังคงต้องจ่ายภาษีที่ดิน หรือหากมีการขายโรงแรมออกไป ผู้ซื้อใหม่ก็จะต้องรับภาระจ่ายภาษีที่ดินต่อไป ซึ่งจะทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปได้ยาก
ดังนั้นสมาคมโรงแรมไทยจึงเตรียมที่จะเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ทบทวนการจัดเก็บภาษีที่ดิน สำหรับโรงแรม 2-3 ดาว ที่ยังประสบภาวะขาดทุน หรือแทบไม่มีรายได้ แต่ต้องแต่ต้องเสียภาษีที่ดินทุกปี และทุกรอบประเมินราคาที่ดินใหม่จากกรมธนารักษ์ จะมีค่าที่ดินสูงขึ้นทุกครั้ง แต่ธุรกิจเช่นโรงแรมไม่สามารถมีรายได้สูงขึ้นตามที่มีการประเมินใหม่