วันนี้ (วันที่ 30 ตุลาคม 2568) บริษัท แคปปิตอล เอ จำกัด (Capital A Berhad หรือ “แคปปิตอล เอ”) ได้ประกาศว่าการดำเนินการตามเงื่อนไขทั้งหมดสำหรับการขายธุรกิจสายการบินให้แก่ บริษัท แอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด (AirAsia X Berhad หรือ “แอร์เอเชีย เอ็กซ์”) ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็น “บทสรุปสุดท้าย” ของการรวมธุรกิจสายการบินทั้งหมดให้อยู่ภายใต้กลุ่มสายการบินเดียว และเป็นจุดเริ่มต้นของ “การเดินทางครั้งใหม่” ของแคปปิตอล เอ ในฐานะกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวและดิจิทัลแบบครบวงจร
การบรรลุเป้าหมายสำคัญนี้เกิดขึ้นหลังจากการปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกประการ ซึ่งรวมถึงการได้รับหนังสือยินยอมจากผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด และหนังสือรับรองการเสนอขายหุ้นให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) มูลค่า 1,000 ล้านริงกิตให้แก่แอร์เอเชีย เอ็กซ์ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการขอผ่อนผันข้อกำหนดด้านกฏระเบียบจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศไทยแล้ว
ทั้งสองฝ่ายจะเดินหน้าดำเนินการในขั้นตอนที่เหลือ ได้แก่ การลดทุนและจัดสรรหุ้น (Capital Reduction and Distribution) ของแคปปิตอล เอ รวมถึงการออกและจดทะเบียนหุ้นของแอร์เอเชีย เอ็กซ์ และขั้นตอนทางกฎหมายอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ และจะตามมาด้วยการยื่นคำขอเพิกถอนสถานะ PN17 ในเดือนเดียวกัน
นาย โทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปปิตอล เอ กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม เพราะเราสามารถประกาศได้อย่างเป็นทางการว่าสัญญาทั้งหมดได้ผ่านเงื่อนไขครบถ้วน” โดยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเขาได้ฝ่าฟันอุปสรรคและการอนุมัติต่าง ๆ เพื่อให้ข้อตกลงนี้สำเร็จลุล่วง และกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเดินทางที่ยาวนาน พร้อมกลับมาอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม
หลังจากนี้ แคปปิตอล เอ จะเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ด้วยบริษัท 2 กลุ่มที่มีความชัดเจน:
กลุ่มสายการบิน (แอร์เอเชีย กรุ๊ป): จะรวมสายการบินแอร์เอเชียทั้ง 7 สาย (ทั้งเส้นทางระยะกลางและระยะสั้น) ให้ทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายเดียวทั่วภูมิภาค
เมื่อการรวมธุรกิจสายการบินแล้วเสร็จ “แอร์เอเชีย กรุ๊ป” จะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ที่มุ่งสร้าง “เมกา ฮับ” หลายแห่งทั่วภูมิภาค แทนการพึ่งพาตลาดหลักเพียงแห่งเดียว พร้อมตั้งเป้าที่จะเป็น “สายการบินเครือข่ายราคาประหยัดเครื่องบินลำตัวแคบรายแรกของโลก” กลยุทธ์นี้จะช่วยขยายเครือข่ายการบินให้กับผู้โดยสาร เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องบิน ลดต้นทุนต่อหน่วย และสร้างโอกาสในการเติบโต ผ่านการใช้เครื่องบินรุ่นแอร์บัส A321neo และ A321XLR ที่มีพิสัยบินไกลมากขึ้น
บริษัทในเครืออีก 5 แห่งของแคปปิตอล เอ ถือเป็น “ก้าวต่อไป” ของการเติบโต ธุรกิจเหล่านี้ ได้แก่
ทั้ง 5 ธุรกิจนี้มีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตน และสร้างนิยามใหม่ให้กับภูมิทัศน์ธุรกิจในอาเซียน เช่นเดียวกับที่แอร์เอเชียเคยปฏิวัติวงการการบินในภูมิภาคนี้ ธุรกิจเหล่านี้จะใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของข้อมูล เทคโนโลยี และฐานผู้ใช้งานของแคปปิตอล เอ เพื่อสร้างโอกาสอย่างเต็มที่ แคปปิตอล เอ มุ่งมั่นที่จะต่อยอดธุรกิจทั้ง 5 นี้อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวและเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น
ประกาศครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าการปรับโครงสร้างของบริษัทได้เข้าสู่ “บทสุดท้าย” และแคปปิตอล เอ กำลังเตรียมพร้อมสำหรับ “การเดินทางครั้งใหม่” หลังการเพิกถอนสถานะ PN17
อย่างไรก็ตามการปรับโครงสร้างของทั้งนี้การปรับโครงสร้างของ แคปปิตอล เอ ดังกล่าว ไม่มีผลต่อการดำเนินงานของสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย หรือ บริษัท เอเชียเอวิชัน จำกัด(มหาชน) หรือ AAV รวมถึงสายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการปรับโครงสร้างของกลุ่มบริษัทผู้ถือหุ้นทางฝั่งมาเลเซียเท่านั้น