พิพัฒน์ ยันไทยพร้อมเป็น Aviation Hub หนุนลงทุนโรงซ่อมเครื่องบิน

28 ต.ค. 2568 | 10:20 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ต.ค. 2568 | 10:32 น.

พิพัฒน์ ยันไทยพร้อมเป็น Aviation Hub ได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ฝากการบ้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หนุนสร้างโรงซ่อมเครื่องบินเพื่อยกระดับสู่ศูนย์กลางการบินที่สมบูรณ์แบบ

KEY

POINTS

  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคม ยืนยันว่าไทยมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ด้วยข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และคุณภาพของสนามบินที่ได้รับการยอมรับ
  • ปัจจัยสำคัญที่ยังขาดอยู่และต้องเร่งดำเนินการเพื่อทำให้การเป็นฮับสมบูรณ์คือ "โรงซ่อมเครื่องบิน" (MRO) ขนาดใหญ่
  • กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแผนการสร้างโรงซ่อมบำรุงอากาศยาน โดยอาจใช้พื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิหรืออู่ตะเภา

28 ตุลาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แสดงวิสัยทัศน์และบทบาทของประเทศไทยสู่การเป็น Aviation Hub ตอนหนึ่งระบุว่า ตนเองเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งในฐานะรมว.คมนาคมได้ไม่ถึงเดือนแต่ก็เชื่อว่ามีความเข้าใจกับคำว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินและการขนส่ง

ประเทศไทยมีภูมิศาสตร์ที่ดีอย่างน้อยที่สุดเราตั้งอยู่ตรงศูนย์กลาง อยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดียและอยู่ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก ที่สำคัญประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของประเทศที่ได้ชื่อว่า มีประชากรมากที่สุดในโลกสองประเทศ คือ อินเดียและจีน

ประเทศไทยได้เปรียบเรื่องภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับหลายประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียนประเทศไทยก็เป็นศูนย์กลางของอาเซียนประเทศไทยเป็นประตูสู่อินโดจีนซึ่งก่อนจะเข้าไปสู่ลาว กัมพูชา พม่า หรือเวียดนาม ล้วนต้องผ่านกรุงเทพฯ รวมถึงหากเดินทางมาจากตะวันออกกลางที่ปัจจุบันเราทราบกันดีว่า ตะวันออกกลางเป็น เอเว้นท์ฮัปของการเดินทางทางอากาศซึ่งปัจจุบันหากจะบินไปยุโรปก็ต้องไปบินจากไทยไปแวะที่ยูเออีก่อนจะต่อไปยุโรป หรือถ้าจะบินไปอเมริกาก็ต้องไปพักที่ญี่ปุ่น

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญของคำว่า ศูนย์กลาง สำหรับประเทศไทยต้องดูว่าขณะนี้เราพร้อมแล้วหรือยัง จากประสบการณ์ที่เคยเป็น รมว.ท่องเที่ยวฯ มาก่อน ปัจจุบันเรื่องของผู้โดยสารประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศเล็กและอยู่ไกลกว่าเราแต่ขณะนี้มีผู้โดยสารที่ไปแวะที่นั่นมากกว่ากรุงเทพฯ อีกลักษณะหนึ่งคือฮ่องกง ที่ขึ้นชื่อเรื่องของการขนถ่ายสินค้าทางอากาศมากกว่าไทย วันนี้โอกาสเป็นของเราที่ต้องมาช่วยกันคิดว่าเราจะทำอย่างไรในการดึงสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาเข้ามาสู่ประเทศไทยซึ่งมั่นใจว่าประเทศไทยมีโอกาสและตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดีที่สุดของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ 

พิพัฒน์ ยันไทยพร้อมเป็น Aviation Hub หนุนลงทุนโรงซ่อมเครื่องบิน

ที่สำคัญ วันนี้ในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยทั้งเรื่องของ FIA และ ICAO ซึ่งก็ได้รับรองปรับเรตติ้งของเราได้ดีขึ้นซึ่งดูจากสายการบินโดยเมื่อสองสามวันที่แล้วยูไนเต็ดแอร์ไลน์ได้บินมาสู่ประเทศไทยเป็นไฟลท์บินไฟลท์แรกที่สุวรรณภูมิซึ่งไม่เคยเดินทางเข้ามาเลยตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้สนามบินสุวรรณภูมิยังได้รับการโหวตให้ติดเป็นลำดับที่ 3 ในเอเซีย ขณะที่สนามบินดอนเมืองของเราก็อยู่ในลำดับที่ 8 ดังนั้น เราจะทำอย่างไรที่จะทำให้ในอนาคตอันใกล้สุวรรณภูมิจะขึ้นไปเป็นลำดับที่ 1 ให้ได้ และดอนเมืองขึ้นมาติดท็อปไฟว์ให้ได้ 

ในอดีตสายการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจแต่วันนี้กระทรวงคมนาคมได้ขายหุ้นบางส่วนออกไปโดยภาครัฐถือหุ้นไม่ถึง 50% ดังนั้นการถือหุ้นใหญ่ของการบินก็ยังเป็นกระทรวงการคลัง ยังถือว่า เป็นสายการบินแห่งชาติ วันนี้การบินไทยได้รับการฟื้นฟูจากยุคโควิด -19 ที่ปัจจุบันนี้สามารถฟื้นตัวได้กลับมาเริ่มมีผลกำไร ที่สำคัญ ได้มีการสั่งซื้อเครื่องบินฝูงใหม่เป็นเครื่องบินโบอิ้งค์จากอเมริกา  80 ลำ

นี่คือ ตัวสะท้อนประการหนึ่งว่า วันนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ Aviation Hub ของภูมิภาคนี้ แต่การจะก้าวไปสู่เรื่องนี้ได้นั้น สนามบินเรามีความพร้อมขนาดไหน การโหลดสินค้า การดูแลผู้โดยสาร ความสะอาดของสนามบิน และที่สำคัญ คือ การต่อเครื่องไม่ว่าจะต่อจากดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิไปในภูมิภาคในประเทศไทยเรามีความพร้อมขนาดไหนซึ่งทางการบินพลเรือนและเอโอทีก็มีการเตรียมความพร้อมในการบริหารสนามบินต่าง ๆ ในประเทศไทย 

เพราะฉะนั้น สำหรับเรื่องของความพร้อมผมมั่นใจและเชื่อว่า การจะเป็น Aviation Hub ของประเทศไทยเราถึงเวลาที่เราจะต้องช่วยกันและเดินหน้าไปสู่เป้าหมายให้ได้ ประเทศไทยมีความพร้อมในทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยมีรอยยิ้ม ความเอื้อเฟื้อและการต้อนรับที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งจะต้องนำไปต่อยอดไปสู่การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินมาสู่ประเทศไทย นี่คือ สิ่งที่สิ่งที่กระทรวงคมนาคมจะเดินไป

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า ตนเองไม่มีความรู้ไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของวิศวะแต่โชคดีที่ผ่านภาคธุรกิจมาก่อนซึ่งเชื่อว่า สามารถที่จะปรับตัวและประยุกต์นำไปใช้ในหน่วยงานที่เข้ามาทำงาน สิ่งที่ดีนำมาต่อยอด สิ่งที่ไม่ดีเราก็คิดขึ้นมาใหม่ได้ อะไรที่ดีอยู่แล้วเราอย่าไปเปลี่ยน เราต่อยอดนับจากห้าไปถึงสิบ ง่ายว่าเริ่มจากศูนย์ไปถึงสิบ นี่คือ วิชันของกระทรวงโดยยึดเรื่องของการต่อยอดอย่างไรให้เข้าสู่คำว่า ไทยเป็นฮัปของการเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาสู่ประเทศไทย 

พิพัฒน์ ยันไทยพร้อมเป็น Aviation Hub หนุนลงทุนโรงซ่อมเครื่องบิน

นายพิพัฒน์ รมว.คมนาคม ฝากการบ้านถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า วันนี้เรามีความพร้อมเรื่องของสนามบิน การดูแลความปลอดภัยและการบริการแล้วแต่มีอยู่อย่างหนึ่งซึ่งจะต้องฝากไปทาง AOT และการบินพลเรือนว่า เราจะมีโรงซ่อมเครื่องบินเมื่อใด อย่างไรก็ดี รัฐบาลคงต้องมีส่วนในเรื่องนี้ พื้นที่ของสุวรรณภูมิที่ยังมีพื้นที่เหลืออยู่มากมายที่สำคัญ คือ กำลังมีการขยายสนามบินที่อู่ตะเภาเราจะใช้โอกาสนี้ในการที่จะไปทำโรงซ่อมขนาดใหญ่เพื่อจะได้เป็นฮัปที่แท้จริงที่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์

เหล่านี้ คือ วิทัศน์ของกระทรวงคมนาคมซึ่งไม่ใช่ของผมเองเพราะเราทำงานเป็นทีม วันนี้ทุกกรมในกระทรวงพร้อมผนึกกำลังที่จะเดินหน้าไปพร้อมๆกัน อย่างไรก็ดี หากคนไทยไม่ช่วยกันสิ่งเหล่านี้คงเกิดขึ้นไม่ได้โดยเฉพาะนักธุรกิจไทยซึ่งหากมีการประชุมเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเชิญเข้ามาประชุมในไทย หรือจะเชิญไมซ์ ให้กลับมาอีกครั้งได้หรือไม่ หรือ ทีเส็บ เป็นต้น

ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีสถานที่ มีห้องพักเพียงพอที่จะรองรับแม้แต่เกาะสมุยก็มีห้องพักเพียงพอ วันนี้เราขาดเพียงอย่างเดียวคือ เกาะสมุยยังเป็นสายการบินเอกชนยังไม่มีสายการบินแห่งชาติที่จะไปลง อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นอุปสรรคมั่นใจว่าประเทศไทยสามารถแก้ได้แต่อาจต้องใช้เวลาบ้างแต่เชื่อว่า การจะก้าวไปสู่การเป็น  Aviation Hub ต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นฮัปของสายการบินให้ได้ รวมถึงมีความอุดมสมบูรณ์เรื่องของอาหารสี่ภูมิภาคที่รสชาติแตกต่างกัน 

พิพัฒน์ ยันไทยพร้อมเป็น Aviation Hub หนุนลงทุนโรงซ่อมเครื่องบิน

"วันนี้ประเทศไทยพร้อมขาดอย่างเดียวคือ โรงซ่อมเครื่องบิน ซึ่งต้องฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปคิดต่อเพราะพวกผมทำงานกันแค่สี่เดือนซึ่งก็อยากจะทำงานภายในสี่เดือนี้ให้เกิดผลได้มากที่สุดอย่างน้อยไม่เห็นผลภายในสี่เดือน อยากฝากไว้ว่า ประเทศไทยหรือกระทรวงคมนาคมการจะเป็นฮัปของสายการบินจะต้องทำอย่างไร ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบในหลาย ๆ เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น จึงอยากจะเชิญชวนให้ช่วยกันสนับสนุนให้ไทยเป็นฮัปของการเดินทางทางอากาศให้ได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่มีความพร้อมก็คงไว้ซึ่งมาตรฐานที่ต้องรักษาไว้และทำให้ดีขึ้นต่อไปอยู่ที่ผู้บริหาร" 

พร้อมย้ำว่า จากกรณีประกาศสำนักพระราชวังไม่ได้บอกให้หยุดกิจกรรมต่าง ๆ เพราะพระองค์ท่านคำนึงถึงทุกคนว่าต้องกินต้องใช้ งานมีกำหนดรายละเอียดไว้แล้วทราบว่าจะเกิดความเสียหาย สามารถดำเนินการได้ ทำในสิ่งที่เหมาะสม

สำหรับในช่วงสี่เดือนนี้พยายามจะทำให้ได้มากที่สุด เช่น กรณีเรื่องของการเดินทางด้วยรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟสามสนามบินที่ยังพูดกันอยู่ซึ่งได้มีการปรึกษาหารือกับอีอีซีเพื่อที่จะเชื่อมสามสนามบินให้เกิดความสะดวกมากที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสในการเดินทางให้สะดวกสบายมากขึ้น หรือการเพิ่มบริษัทผู้รับเหมาการขนถ่ายกระเป๋าเดินทาง จะหาสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้เห็นว่าการจะก้าวสู่การเป็น Aviation Hub อยู่ที่ผู้บริหารการบินไทยที่จะมองเรื่องของการขยายเส้นทางการบิน อีกประการ คือ ผู้บริหารท่าอากาศยานต้องหาวิธีเชิญสายบินต่าง ๆ มาใช้บริการสนามบินในไทยนอกจากสนามบินดอนเมือง หรือที่สุวรรณภูมิ เช่น ที่เชียงใหม่ ที่ยังสามารถรองรับได้ซึ่งต้องทำประชาสัมพันธ์ รวมถึงการลดแลกแจกแถมและการบริการที่ดี ที่สำคัญอีกประการคือ เรื่องของอาหารที่จะโหลดขึ้นไปบนเครื่องนั้นต้องสดใหม่ อาหารฮาลาล ที่ควบคุมได้ดีแค่ไหน เหล่านี้ต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์และการตลาด เป็นต้น 

ด้านพล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ Keyman to ignite the first engine:เครื่องยนต์หลักสู่การเป็น  Aviation Hub ของไทยว่า นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งมีสองเรื่องที่อยากทำให้สำเร็จ เรื่องแรก คือ การใช้โดรนในการส่งสินค้าโดยในวันพรุ่งนี้จะมีการสาธิตการใช้โดรนส่งของ ที่ NT แจ้งวัฒนะส่ง AED เครื่องปั๊มหัวใจจากไอคอนสยามข้ามไปฝั่งริบเวอร์ซิตี้ อีกเรื่องคือ การใช้โดรนในการขนส่งผู้โดยสาร 

พิพัฒน์ ยันไทยพร้อมเป็น Aviation Hub หนุนลงทุนโรงซ่อมเครื่องบิน

"กล่าวว่า ในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่รับตำแหน่งมีการตรวจสอบใหญ่ ตรวจสอบด้านความปลอดภัยจากไอเคโอ เมื่อเดือนสิงหาคมและเดือนหน้าจะต้องรับการตรวจการรักษาความปลอดภัย (ซีเคียวลิตี้) จากไอเคโอต่อซึ่งประเทศไทยก็ต้องทำให้ดีที่สุดโดยจะตรวจที่สุวรรณภูมิและที่เชียงใหม่ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ลงไปดูเพื่อดำเนินการให้ได้มาตรฐานเพื่อให้ผ่านการตรวจโดยไม่มีข้อบกพร่องที่สำคัญ ๆ โดยตั้งเป้าจะต้องทำให้ได้คะแนนดีที่สุดเพื่อให้ความมั่นใจไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวแต่ต้องกับนักธุรกิจและนักลงทุนด้วย" 

ทั้งนี้ เห็นว่าหากจะทำตลาดต้องมองเรื่องของการทำตลาดร่วมกับประเทศอื่น ๆ ด้วยซึ่งได้มีการพูดคุยกับ รมว.ท่องเที่ยวของเวียดนามในการทำท่องเที่ยวร่วมกัน รวมถึงเรื่องของคาร์โกที่จะทำให้เป็นฮัปคือเข้ามาแล้วออกไปทำในลักษณะจุดกระจายสินค้าเพื่อให้ได้สองขา เป็นต้น พยายามคิดนอกกรอบเพื่อให้ลักษณะนี้มากขึ้น 

"เราจะทำให้สนามบินมีความพร้อมต้องทำให้สายการบินมั่นใจว่าเมื่อมาใช้สนามบินสุวรรณภูมิแล้วจะสามารถดูแลเครื่องบินเขาให้สามารถบินต่อไปที่อื่นได้ ดังนั้น MRO จึงสำคัญในเรื่องนี้" 

สำหรับกรณีการขึ้นค่า PSC ของสนามบินนั้น พล.อ.อ.มนัท ระบุว่า กพท.มีหน้าที่ควบคุมให้เกิดความบาล้านซ์ระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการโดยจะดูว่าเงินที่จะเก็บนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ เช่น ทางเอโอทีส่งแผนมาว่า จะมีการลงทุน ขยายเทอมินอล สร้างสิ่งต่าง ๆ เพิ่มนั้น เหล่านี้ต้องมีเงินไปลงทุน อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าเป็นการเก็บเฉพาะผู้โดยสารต่างประเทศเท่านั้น ในประเทศราคาเดิมซึ่งประมาณ 70% เป็นผู้โดยสารต่างประเทศซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมผ่านบริษัทที่ปรึกษาที่จะดูว่า ราคาที่เหมาะสมต้องอยู่ที่เท่าไร 

อย่างไรก็ดี สำหรับเรื่องนี้ยังไม่ได้กำหนดการประชุมกันแต่อย่างใดเนื่องจากต้องมีการศึกษาให้รอบด้านก่อนที่จะสรุปว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ถามว่าจะมีความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อใดนั้น ระบุว่า ก่อนหน้านี้เนื่องจากมีกรรมการลาออกไปซึ่งตามระเบียบระบุว่าต้องมีกรรมการครบองค์ประชุมซึ่งล่าสุดเพิ่งได้มีการแต่งตั้งกรรมการให้ครบเมื่อเดือนที่ผ่านมาจึงคาดว่าภายในเดือนสองเดือนนี้น่าจะได้ประชุมกัน รวมถึงต้องมีขั้นตอนกระบวนการตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น เช่น ประชุมปลายเดือนนี้กว่าจะเก็บได้อาจปลายเดือนเมษายน เป็นต้น 

ประเด็นกรณีของอายุเครื่องบินที่ให้นำเข้าได้นั้นมีการตั้งข้อสังเกตว่า สุดท้ายแล้วประเทศไทยจะกลายเป็นแหล่งของเครื่องบินเก่าหรือไม่ ระบุว่า เป็นกฎหมายที่มีมานานโดยกำหนดให้นำเข้าเครื่องบินที่อายุต้องไม่เกินห้าปี ทั้งนี้ เครื่องบินไม่เหมือนรถยนต์เพราะกว่าได้ขึ้นบินต้องมีการตรวจตามมาตรฐานตามขั้นตอนก่อน ซึ่งในปัจจุบันประเทศที่ไม่ได้กำหนดอายุเครื่องบินนั้นมีหลายประเทศ เช่น อเมริกา เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ดังนั้นเรื่องนี้จึงฟังไม่ขึ้น กรณีเครื่องบินตกขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาเครื่องบินไม่ใช่อยู่ที่อายุของเครื่องบิน