แอตต้าแนะพลิกโฉมท่องเที่ยวไทย รับมือบริบทโลกเปลี่ยน

22 ส.ค. 2568 | 18:17 น.

แอตต้าชี้บริบทการแข่งขันท่องเที่ยวโลกเปลี่ยน ไทยจำเป็นต้องยกระดับด้าน “ความปลอดภัย” และ “คุณภาพ” อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความยั่งยืน มากกว่าขายความคุ้มค่าเงิน พร้อมแนะข้อเสนอเชิงนโยบาย 4 เรื่อง พลิกโฉมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เตือนว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยซึ่งเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักของประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ หลังบริบทการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและมีอิทธิพลต่อทิศทางการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค

ดังนั้นการสร้างความยั่งยืนในอนาคตขึ้นอยู่กับการพัฒนา “ความปลอดภัย” และ “คุณภาพ” อย่างจริงจัง ควบคู่กับการปรับตัวเชิงโครงสร้างเพื่อแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งจะยังคงเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของไทย

จากการบรรยายของ ศ.ดร.ไต้ปิง ในงาน China-ASEAN Tourism สะท้อนให้เห็นถึงกรอบคิดสำคัญของจีนที่มีต่อการพัฒนาการท่องเที่ยว คือ การให้ความสำคัญกับ “ความปลอดภัย” และ “คุณภาพ” มากกว่าประเด็นการได้เปรียบเสียเปรียบด้านจำนวนนักท่องเที่ยว

อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์

“ความปลอดภัย” จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ขับเคลื่อนการตัดสินใจของมนุษย์และเป็นเงื่อนไขสำคัญของการท่องเที่ยว สำหรับประเทศไทยปัญหาด้านความปลอดภัยถูกสะท้อนในหลายมิติ ได้แก่ การเดินทางและคมนาคม ความมั่นคงด้านอาหารและสาธารณสุข อาชญากรรมและการฉ้อโกงจากการบริการ และความมั่นคงทางการเงินของนักท่องเที่ยว

แม้ประเทศไทยมีมาตรการรองรับในหลายด้าน แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างคือ การขาดบูรณาการ การประสานงานเชิงรุก และการสื่อสารเชิงสถิติ ส่งผลให้ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นอย่างกว้างขวางได้

ขณะที่ “คุณภาพ” เป็นปัจจัยสร้างความเชื่อมั่นระยะยาว รัฐบาลจีนแสดงให้เห็นตัวอย่างของการจัดการคุณภาพ โดยมีการจัดตั้งระบบรับเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นระบบ การใช้เทคโนโลยี Social Listening เพื่อตรวจสอบ Sentiment ของผู้บริโภค วิเคราะห์ Big Data และนำเสนอนโยบายปรับปรุงต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

แอตต้าแนะพลิกโฉมท่องเที่ยวไทย รับมือบริบทโลกเปลี่ยน

สำหรับประเทศไทย เดิมทีการท่องเที่ยวไทยมีจุดขายที่ “ความคุ้มค่า (Value Destination)” จากค่าครองชีพที่ต่ำ แต่ปัจจุบันไทยถูกจัดอันดับค่าครองชีพอยู่ในลำดับที่ 11 ของโลก ซึ่งบ่งชี้ว่าการแข่งขันในอนาคตต้องอาศัย คุณภาพสินค้าและบริการที่สูงขึ้น มากกว่าการพึ่งพาความถูก การออกแบบประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยจำเป็นต้องตอบโจทย์ทั้งในมิติ Emotional (ความพึงพอใจด้านอารมณ์) และ Functional (ความสะดวกและคุณภาพเชิงเหตุผล)

นายอดิษฐ์ ชี้ถึงความท้าทายเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมไทย ว่าการพัฒนาแบบ Outside-in ที่อิงตลาดและเทรนด์เพียงอย่างเดียว อาจไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจากเทคโนโลยีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ สตรีทฟู้ดไทย ที่เปลี่ยนจาก “รสชาติและราคาที่เข้าถึงได้” ไปสู่การเน้นความสวยงามเพื่อสร้างคอนเทนต์

ส่งผลให้เสน่ห์ดั้งเดิมค่อยๆ ลดลง คุณภาพของสินค้าและบริการจำเป็นต้องถูกออกแบบให้มี ความยั่งยืนทั้งด้าน Demand และ Supply เลือกใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการเร่งเร้าทางการตลาดที่ทำลายความสมดุลในระยะยาว

บทบาทของการท่องเที่ยวในเศรษฐกิจไทย จะพบว่าการท่องเที่ยวเป็นสมบัติชาติและมีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน แม้มีข้อเสนอให้ไทยลดการพึ่งพาการท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีใหม่ แต่ข้อเท็จจริงคือ การท่องเที่ยวยังคงเป็นหัวใจหลักของระบบเศรษฐกิจไทย สิ่งที่ไทยต้องเร่งดำเนินการคือ การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับตลาดจีน มีโอกาสและความต่อเนื่อง เพราะจีนมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศกว่า 146 ล้านคนในปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มกลับสู่ระดับ 155 ล้านคน เท่ากับก่อนการระบาดโควิด-19 การห้ามคนจีนเดินทางออกนอกประเทศแทบเป็นไปไม่ได้ ทั้งจากแรงกดดันทางสังคม และบทบาทนักท่องเที่ยวจีนในฐานะ เครื่องมือทางการทูตและเศรษฐกิจของจีน

ปัจจัยที่ทำให้ไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญของจีน ได้แก่ ขนาดตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระยะทางบินสั้นเพียง 3-5 ชั่วโมง ความสัมพันธ์ทางการทูตและประวัติศาสตร์อันดี การเติบโตของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปจีน และภาพลักษณ์เชิงบวกของคนไทยในสายตาคนจีน

ผมมีข้อเสนอเชิงนโยบายใน 4 เรื่อง ได้แก่

1. ยกระดับระบบความปลอดภัย ด้วยการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อสารเชิงรุกต่อสาธารณะ

2. สร้างมาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการท่องเที่ยว ทั้งในด้าน Emotional และ Functional โดยเฉพาะการบริหารจัดการข้อร้องเรียนและคุณภาพการให้บริการ

3. พัฒนา Supply Chain การท่องเที่ยวไทย เพื่อสร้างความยั่งยืน ลดการพึ่งพาการตลาดเชิงเร่งรัด และเสริมสร้างคุณค่าที่แตกต่าง

4. ใช้ตลาดจีนเป็นฐานยุทธศาสตร์ โดยรักษาความสัมพันธ์เชิงบวก และพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจีนในระยะยาว

การปรับโฉมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า โดยเฉพาะการสร้างความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,124 วันที่ 21 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568