จีนเที่ยวไทยจะไม่เหมือนเดิม ททท.ดันนักท่องเที่ยวจีนปีหน้า ไต่ระดับเทียบเท่าปี 2567

09 ส.ค. 2568 | 05:01 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ส.ค. 2568 | 05:33 น.

จีนเที่ยวไทยจะไม่เหมือนเดิม การฟื้นตัวลากยาว หากเทียบกับในอดีตที่จากวิกฤตทุกครั้งจะใช้เวลา 3 เดือนฟื้นตัว ททท.รุกกระตุ้นตลาดเต็มสูบ คาดดันนักท่องเที่ยวจีนปีหน้า ไต่ระดับเทียบเท่าปี 2567 ด้าน CAAT ถกจีนขอผ่อนผัน สลอตบิน 1 ปี

จีนเที่ยวไทยจะยังไม่เหมือนเดิม

การชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนส่งผลให้ภาพรวมของการท่องเที่ยวไทย ติดลบต่อเนื่องมาร่วมครึ่งปีแล้ว การชลอตัวหลักๆนอกจากจะเป็นเรื่องของความไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังมีในเรื่องของทุนจีนสีเทา และมุมมองของคนไทยที่มีต่อคนจีน จากกระแสข่าวในโลกโซเชี่ยล ทำให้คนจีนมีความรู้สึกว่าคนไทยไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเหมือนเมื่อก่อน  

ประกอบกับรัฐบาลจีนกระตุ้นการเดินทางเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น จากสภาพเศรษฐกิจของจีนที่ชลอตัวหลังโควิด  และการแข่งขันในตลาดด้านการท่องเที่ยวที่มีสูง อย่าง ญี่ปุ่น และเวียดนาม ก็ทำให้นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์หายไปจากไทย ปันใจไปเที่ยวญี่ปุ่น เวียดนามเพิ่มขึ้น ส่วนที่เดินทางมาเที่ยวไทยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเล็กๆ และกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง หรือ เอฟไอที ยิ่งเกิดการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ก็ทำให้จีนแผ่วไปอีก

ดังนั้นเมื่อดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การที่คนจีนจะกลับมาเที่ยวไทยเหมือนก่อนโควิดที่สูงถึง 11 ล้านคน จะยังไม่กลับไปเหมือนเดิม และยังคงยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี  โดยในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินสูงสุดก็จะได้แค่ 5 ล้านคนเท่านั้น ส่วนในปีหน้า ก็มองถึงความเป็นไปได้ของจีนเที่ยวไทยก็จะพยายามทำให้ได้ใกล้เคียงกับปี 2567 คืออยู่ที่ราว 6.9 ล้านคน ผ่านการใช้งบกระตุ้นท่องเที่ยวภายใต้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อเป็นโมเมนตั้มไปถึงปีหน้า 

จีนเที่ยวไทย

ททท.กระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนเต็มสูบ

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย( ททท.) กล่าวว่า ททท. ร่วมกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) นำผู้ประกอบการไทยกว่า 50 ราย ร่วมกิจกรรม TAT & ATTA Road Show 2025 ครอบคลุม 3 เมืองศักยภาพของจีน ได้แก่ ฉงชิ่ง, หลานโจว และหางโจว 

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

พร้อมเปิดเวทีเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรจีน หวังขยายตลาด กระชับความร่วมมือ และส่งเสริมการเดินทางระหว่างไทย–จีนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจีนกว่า 300 ราย

นอกจากนี้ยังร่วมมือระดับรัฐบาล (G2G) และเป็นการต่อยอดความเข้าใจระดับประชาชน (P2P) ผ่านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมในรูปแบบ Two-Way Tourism 

นางสาวภัทรอนงค์ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า แผนทำตลาดจีนททท.จะเน้น 3 กลยุทธ์  ได้แก่

1.การทำเช่าเหมาลำ หรือชาร์ตเตอร์ไฟล์ทเข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งฝั่งของตลาดจีนมีความสนใจเข้ามาเป็นพันเที่ยวบินแล้ว  โดยททท.จะไล่ดูว่าสามารถสร้างคุณภาพได้อย่างไร อาทิ เส้นทางที่จะเข้ามา จากเมืองใดสู่เมืองใดในประเทศไทย หากมาจากเมืองรองของจีนเข้าสู่เมืองรองของไทย อย่างบินไปเชียงราย อู่ตะเภา ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นกลุ่มแรก

รวมถึงคุณภาพของแพคเกจ จะมีการใช้จ่ายในประเทศไทยอย่างใดที่มีความเหมาะสมกับจุดหมายปลายทางจริงๆ ต้องไม่อยู่ในระดับต่ำจนกลายเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ

ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่

2. เที่ยวบินประจำ หรือ  คอมเมอร์เชียล ไฟล์ท หลายสายการบินในไทยก็โฟกัสที่จีน แต่อัตราการบรรทุก (โหลดแฟคเตอร์) อาจยังไม่ได้เพิ่มขึ้น ททท.จะเข้าไปช่วยทำให้สูงขึ้น หรือเพิ่มความถี่มากขึ้น หรือถ้าแอร์ไลน์ไหนที่ หรือสายการบินใดอยากเปิดเส้นทางใหม่ก็ได้

3.ส่งเสริมตลาดเติบโตดี อาทิ ตลาดไมซ์  อินเซนทีฟ ซัมเมอร์แคมป์ คาราวาน แต่มีเงื่อนไขคือ ต้องมีจำนวนกลุ่มตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป เข้าพัก 4 คืนขึ้นไป จากเฉลี่ยเดิมที่จะพักประมาณ 3 คืน เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

จีนเที่ยวไทย

ไทยต้องปลอดภัยจริง ดัน หนีห่าวมันธ์

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวว่า ตอนนี้จีนต้องการความจริงใจจากรัฐบาลไทย จากเดิมที่เรายืนกระต่ายขาเดียวบอกว่าเราปลอดภัยทุกอย่าง ซึ่งความจริงก็มีบางแง่มุมที่เราควรจะต้องส่งสารว่า มีบางจุดที่ไม่ได้ปลอดภัยมากขนาดนั้น และขอให้ระมัดระวังในการท่องเที่ยวไทย

เพราะจริงๆ แล้วนักท่องเที่ยวจีนมีความรักประเทศไทย อยู่ในใจตลอด แต่เมื่อเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว หากมีอะไรที่ควรระมัดระวังในแง่มุมใดก็ช่วยบอกเขาบ้าง อย่าไปยืนกรานบอกว่าปลอดภัย 100% เพราะตัวนักท่องเที่ยวเองรู้ว่ามันไม่ใช่ ซึ่งจากการออกสื่อของหน่วยงานรัฐ ความน่าเชื่อถือก็ลดลง เพราะมีความขัดแย้งอยู่ในตัวเอง

ชูวิทย์ ศิริเวชกุล

“ตอนนี้ต้องประคองไม่ให้มีข่าวเชิงลบออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล ต้องกระชับความสำคัญมากกว่านี้จากที่ดีขึ้นเยอะ รวมถึงระดับบุคคลด้วยกันเอง เพราะการแชร์ข่าวของไทยไปในช่องทางต่างๆ เพราะจีนเห็นทุกข่าวของประเทศไทยที่ออกมา”

ส่วนแผนครึ่งหลังของปีนี้เนื่องปีหน้า  เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทยจีน จะมีอีกหลายกิจกรรม อาทิ หนีห่าวมันธ์ เดือนตุลาคมนี้ และทำงานร่วมกับแต่ละเมืองของจีน ที่เข้ามาประชาสัมพันธ์เมืองจีนในไทย แต่จะร่วมมือกันเผยแพร่ภาพท่องเที่ยวไทยไปในช่องทางหลักของเมืองเหล่านั้น ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันแบบรัฐต่อรัฐ

เพราะคนจีนยังเชื่อสื่อรัฐบาลอยู่ จึงต้องจับจุดนี้ให้ได้ โดยเน้นย้ำว่าในเรื่องความปลอดภัย ภาคส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบต้องช่วยดูแลอย่างเข้มงวด

นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยตอนนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีฐานะดี ร่ำรวย มีความชื่นชอบประเทศไทย สะท้อนจากการใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้นมาประมาณ 52,000 บาทต่อคนต่อทริป เพิ่มขึ้นจากปกติที่มีกรุ๊ปทัวร์เข้ามาเฉลี่ย

ทำให้มีการใช้จ่ายต่อหัวประมาณ 47,000-48,000 บาทต่อคนต่อทริป  ททท.จะหันมาใช้กลุ่ม user generating content (ยูจีซี) หรือการสร้างกระแสชุมชนออนไลน์จากคนที่เข้ามาเที่ยวจริงแล้วรีวิวประเทศไทย เป็นระดับบุคคลที่ไม่ได้เป็นอินฟลูเอนเซอร์กระแสหลัก เพราะคนจีนดูรู้ว่าเป็นการจ้าง ไม่ได้รีวิวจากความจริง ทำให้จะดึงกลุ่มยูจีซีนี้ขึ้นมาประชาสัมพันธ์ออกไปมากขึ้น

CAATถกจีนขอผ่อนผัน สลอต 1 ปี

การชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสายการบินเช่นกัน 

พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย CAAT  (กพท.) เปิดเผยว่า ตลาดจีน ในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างซบเซาลง และแม้จะยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เนื่องจากความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไป เน้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ

มนัท ชวนะประยูร

กพท. อยู่ระหว่างหารือกับทางการจีน เพื่อผ่อนผันการใช้สิทธิตารางการบิน Slot ให้เป็น ระยะเวลา 1 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สายการบินของไทยสามารถนำอากาศยานไปให้บริการในตลาดสำคัญอื่น ๆ ชั่วคราว เพื่อชดเชยการชะลอตัวของตลาดจีน เพราะแม้ปริมาณนักท่องเที่ยวจีนจะลดลง แต่ ประเทศไทย ยังมีตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวจากแถบตะวันออกกลาง นักท่องเที่ยวจากแถบอาเซียนเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทาง กพท. ก็คาดหวังว่า ช่วงไฮซีซั่นปลายปี ตัวเลขปริมาณนักท่องเที่ยวจากจีนจะกลับคึกคักมากขึ้น ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ กพท. ดำเนินการในปัจจุบันคือ การเน้นดึงตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่รายได้สูงเข้ามาเที่ยวประเทศไทยให้มากขึ้น

ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวจีน และความพยายามในการฟื้นตลาดที่เกิดขึ้นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,119 วันที่ 3 - 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568