"การบินไทย"ผนึก OR นำร่องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน SAF

13 ธ.ค. 2566 | 12:03 น.

การบินไทย ร่วมกับ OR นำร่องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ในเส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ เพื่อแสดงถึงการตระหนักในความสำคัญของสิ่งแวดล้อม รวมถึงการร่วมลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

วันนี้ (13 ธันวาคม 2566) นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมเป็นประธานในการจัดเที่ยวบินนำร่องในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF Flight) ในเที่ยวบินของการบินไทย เส้นทาง ภูเก็ต-กรุงเทพฯ 

การบินไทยนำร่องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน SAF

การบินไทย ร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ในการนำเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน : Sustainable Aviation Fuel (SAF) มาใช้นำร่องกับเที่ยวบินของการบินไทยในเส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ เพื่อแสดงถึงการตระหนักในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและการร่วมลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม 

การบินไทย

 

โดยเชื้อเพลิง SAF มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดวงจรชีวิตน้อยกว่าเชื้อเพลิงอากาศยานโดยทั่วไป และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึง 80 %เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงโดยปกติ 

\"การบินไทย\"ผนึก OR นำร่องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน SAF

อีกทั้งสามารถใช้ผสมในน้ำมันเครื่องบินในปัจจุบัน (Jet A1) ได้ทันทีและมีความปลอดภัย การจัดเที่ยวบินที่ใช้เชื้อเพลิง SAF ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593 หรือ ค.ศ. 2050 

\"การบินไทย\"ผนึก OR นำร่องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน SAF

อันเป็นไปตามมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) สอดคล้องกับที่สหภาพยุโรปกำหนดสัดส่วนการผสมเชื้อเพลิง SAF ในน้ำมันอากาศยานที่จะทำการบินออกจากสนามบินในสหภาพยุโรปที่มีการเพิ่มสัดส่วนอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ การบินไทยมีความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ผ่านมาตรการเชิงรุกที่สำคัญที่จะทยอยตามมาอีกในอนาคต