ครม.ไฟเขียวทอท.เปิดประมูลหาบริษัทบริการภาคพื้นรายใหม่ สนามบินสุวรรณภูมิ

07 มี.ค. 2566 | 11:16 น.

ครม.ไฟเขียวทอท.เปิดประมูลหาผู้ร่วมลงทุนบริการภาคพื้น-คลังสินค้ารายใหม่ ซึ่งเป็นรายที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ รองรับเที่ยวบินแออัด

ครม.อนุมัติให้ ทอท. เปิดสรรหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการรายที่3 ในโครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น และโครงการให้บริการคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดออกประกาศเชิญชวนได้ มิ.ย. 66 นี้

 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 7 มี.ค. 66 ได้อนุมัติให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.  ดำเนินโครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่3 

รวมถึงโครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่3 ตามหลักการที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว

สำหรับความจำเป็นในการดำเนินการทั้ง 2 โครงการข้างต้น เนื่องด้วย ทอท. ได้วิเคราะห์สภาพการให้บริการทั้งลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ และคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วพบว่า ระดับการให้บริการของผู้ประกอบการปัจจุบันใกล้เต็มขีดความสามารถและจะไม่สามารถรองรับความต้องการได้เพียงพอเมื่อปริมาณเที่ยวบินกลับเข้าสู่ระดับก่อนเกิดโควิด19 ภายในปี 67 

โดยปัจจุบัน ทอท. ได้ให้สิทธิการประกอบกิจการ ในส่วนของบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ แก่ผู้ประกอบการ 2 ราย ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) (สิ้นสุดสัญญาปี 83) และบริษัทกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด (สิ้นสุดสัญญาปี 69)  

ส่วนการให้บริการผู้โดยสาร มีผู้ประกอบการ 3 ราย ได้แก่ บริษัทการบินไทยฯ (สิ้นสุดสัญญาปี 83) บริษัทกรุงเทพเวิลด์ไวด์ และบริษัท ลุฟท์ฮันซ่า เซอร์วิส(ไทยแลนด์) ซึ่ง 2 รายหลังนี้สิ้นสุดสัญญาเมื่อปี 64 แต่ ทอท. ได้ว่าจ้างให้ดำเนินการชั่วคราวอยู่ 

 ส่วนการให้บริการคลังสินค้า มีผู้ประกอบการ 2 ราย ได้แก่ บริษัท การบินไทยฯ (สิ้นสุดสัญญาปี 83) และ บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด(สิ้นสุดสัญญาปี 69)

นอกจากนี้ ด้วยสถานะของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการให้บริการ ประกอบกับระยะเวลาการให้สิทธิประกอบกิจการของบริษัท เวิลด์ไวด์ และบริษัท ดับบลิวเอฟ ใกล้ถึงกำหนดสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 69 อาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของการให้บริการหาหไม่สามารถสรรหาผู้ให้บริการ รายที่3 ทั้งในกรณีของบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ และบริการคลังสินค้า

 น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  สาระสำคัญของโครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชนจะใช้รูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐรับผิดชอบในการจัดหาที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการและกำกับดูแลติดตามตรวจสอบคุณภาพการดำเนินงานของเอกชน ส่วนเอกชนมีหน้าที่ในการจัดหาเงินทุน ออกแบบและก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง จัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์สำหรับการให้บริการตามมาตรฐาน บริหารจัดการโครงการตามขอบเขตและเงื่อนไขที่ ทอท. กำหนด สำหรับเงินลงทุนตามโครงการจะมาจากเอกชนทั้งหมด จำนวน 29,390.76 ล้านบาท แยกเป็นค่าลงทุนในสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรอุปกรณ์ 1,608.76 และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและบำรุงรักษา 27,782.01 ล้านบาท

ระยะเวลาดำเนินการ 25 ปี มีขอบเขตการดำเนินงาน ในกลุ่มบริการหลักของผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น อาทิ บริการอุปกรณ์สนับสนุนอากาศยาน การขนถ่ายเคลื่อนย้ายกระเป๋า สัมภาระ สินค้าและไปรษณีย์ภัณฑ์ ขนถ่ายและเคลื่อนย้ายผู้โดยสารและลูกเรือ และกลุ่มบริการอื่นๆ โดยแผนงานของโครงการ มีดังนี้  เดือนมิ.ย.-ก.ค. 66  ประกาศเชิญชวนเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน, เดือนเม.ย.-พ.ค. 67 คณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาข้อเสนอของเอกชน, เดือนก.พ.68 ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน, เดือนมี.ค.68-ก.พ.69 ออกแบบและก่อสร้าง และเริ่มเปิดให้บริการในเดือนมี.ค. 69

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  สาระสำคัญของโครงการให้บริการคลังสินค้าฯ  จะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนแบบ PPP Net Cost เช่นเดียวกัน ภาครัฐรับผิดชอบในการจัดหาที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการและกำกับดูแลการดำเนินการของเอกชน ส่วนเอกชนมีหน้าที่จัดหาเงินทุน ออกแบบและก่อสร้างสิ่งปลูกจ้าง จัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์ บำรุงรักษา บริหารจัดการโครงการคลังสินค้าตามขอบเขตและเงื่อนไขที่ ทอท.กำหนด เงินลงทุนตามโครงการมาจากเอกชนทั้งหมด 37,914.56 ล้านบาท แยกเป็น ค่าลงทุน ในสิ่งปลูกสร้างอุปกรณ์และระบบ รวม 1,318.38 ล้านบาท และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและบำรุงรักษา 36,596.18 ล้านบาท

ระยะเวลาดำเนินโครงการ 25 ปี ขอบเขตการดำเนินงานครอบคลุมทั้งคลังสินค้าขาเข้า คลังสินค้าขาออก คลังสินค้าถ่ายลำ สินค้าเน่าเสียง่าย สินค้าเร่งด่วนและสินค้าอีคอมเมิร์ซ

โดยมีแผนดำเนินงานตามโครงการ ดังนี้  เดือนมิ.ย.-ก.ค. 66 ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนและร่างสัญญาร่วมลงทุน, เดือนเม.ย.-พ.ค.67 คณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณาข้อเสนอของเอกชน, เดือนก.พ.68 ลงนามสัญญาร่วมลงทุน, เดือนมี.ค.68-ก.พ.70 ออกแบบและก่อสร้าง และเริ่มเปิดให้บริการในเดือนมี.ค. 70 เป็นต้นไป