อย่าเทียบ!ไม่เคยมีการเปลี่ยนป้ายชื่อ'ท่าอากาศยานหนองงูเห่า’

06 ม.ค. 2566 | 02:40 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ม.ค. 2566 | 09:57 น.

อย่าเทียบ!ไม่เคยมีการเปลี่ยนป้ายชื่อจาก'ท่าอากาศยานหนองงูเห่า’เป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่การรถไฟแจงยิบทำไมค่าเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ เป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ใช้งบ 33 ล้านบาท ยันตัวอักษรละ 5 แสนบาทไม่จริง

จากกรณีกระแสในโซเชี่ยลที่มีการเปลี่ยนเทียบการเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ
เป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ด้วยการใช้งบในการเปลี่ยนป้ายสูงถึง 33 ล้านบาท ทั้งยังมีการเปรียบเทียบว่าที่ผ่านมาก็มีการเปลี่ยนป้ายชื่อสนามบิน จาก'ท่าอากาศยานหนองงูเห่า’เป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ'

 

ล่าสุด 'ธงทอง จันทรางศุ’ ออกมาบอกว่า ไม่เคยมีป้ายจาก ‘ท่าอากาศยานหนองงูเห่า’ เป็น ‘ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ’ โดยระบุว่า

 

“ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ”  เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2543 เพื่อใช้แทนชื่อเดิมคือ "สนามบินหนองงูเห่า" และได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545 ก่อนการเปิดให้บริการในฐานะสนามบินแห่งใหม่ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 

 

ตามความทรงจำของผม อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงไม่เคยมีป้ายชื่อท่าอากาศยานหนองงูเห่าติดตั้งมาก่อนเลย เมื่อสร้างอาคารสำเร็จเรียบร้อยก็ใช้นามพระราชทาน”ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ประดับติดตั้งอาคารมาตั้งแต่ต้น

นามพระราชทานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับพระราชทานมาหกปีเต็ม ล่วงหน้าก่อนท่าอากาศยานดังกล่าวเปิดให้บริการ

 

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

 

 

ผมเป็นคนสนใจประวัติศาสตร์ และทันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ว่านี้ จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟังครับ เผื่อมีใครคิดจะเปรียบเทียบว่ากรณีเหมือนกันหรือไม่เหมือนกันกับเรื่องราวที่เป็นข่าวอยู่ในเวลานี้ จะได้นำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการไตร่ตรองได้”

 

ขณะเดียวกันในวันนี้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ขอชี้แจงเพิ่มเติม ประเด็นราคาค่าตัวอักษร “โครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย”
 

โดยระบุว่าจากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ มีการนำเสนอข่าว การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ลงนามจ้างบริษัทเอกชนรายหนึ่ง โดยใช้งบประมาณ 33 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์กันอย่างกว้างขวางนั้น 

 

การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง หลังจากยังมีผู้ที่แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อโซเชียลมีเดียคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงในหลายประเด็น ดังนี้
 

กรณีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้งบประมาณปรับปรุงป้ายชื่อสูงถึงตัวอักษรละ 5 แสนบาทนั้น ถือเป็นเรื่องที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก 

 

เนื่องจากโครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ดังกล่าว ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนป้ายชื่อจำนวน 56 อักษรอย่างที่มีการตั้งข้อสังเกต แต่ในความจริงมีการปรับปรุงป้ายชื่อมากถึง 112 ตัวอักษร (110 ตัวอักษร กับ 2 ตราสัญลักษณ์ฯ) 

 

เพราะมีการติดตั้งป้ายชื่อสถานีอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งบริเวณโดมด้านหน้าสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก และยังมีจำนวนตัวอักษรที่เพิ่มขึ้นจากป้ายเดิมอีกด้วย
 

สำหรับรายละเอียดของการติดตั้งตัวอักษร ได้แบ่งเป็นตัวอักษรภาษาไทยฝั่งละ 24 ตัวอักษร อักษรภาษาอังกฤษฝั่งละ 31 ตัวอักษร และตราสัญลักษณ์การรถไฟฯ ฝั่งละ 1 ตราสัญลักษณ์ ซึ่งหากรวมทั้ง 2 ฝั่ง จะมีการติดตั้งอักษรภาษาไทยรวมถึง 48 ตัวอักษร อักษรภาษาอังกฤษรวม 62 ตัวอักษร และ 2 ตราสัญลักษณ์ของการรถไฟฯ  รวมทั้งสิ้น 112 ตัวอักษร (110 ตัวอักษร กับ 2  ตราสัญลักษณ์ฯ)
 

ที่สำคัญการกำหนดขอบเขตของงานโครงการฯ ในวงเงิน 33 ล้านบาทนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ค่าใช้จ่ายการปรับปรุงป้ายชื่อตัวอักษรเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงงานรื้อถอน การเปลี่ยนผนังกระจก โครงผนังกระจกอะลูมิเนียม การจัดทำระบบไฟแสงสว่าง


ค่าการออกแบบด้านวิศวกรรมโครงสร้างและรูปแบบการติดตั้งที่มีขอบเขตงานที่เกี่ยวกับการรื้อถอนของเดิมและติดตั้งของใหม่ที่กระทบต่อโครงสร้างของอาคารสถานีที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว ตลอดจนมีการกำหนดการรับประกันความชำรุดบกพร่องภายในขอบเขตงานอีก 365 วันด้วย รวมถึงความรับผิดชอบบำรุงรักษางานระบบไฟแสงสว่าง ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะจ่ายให้ แต่ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบตลอดระยะเวลาการรับประกันผลงาน โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

 

สถานีกลางบางซื่อ
 
 
งานส่วนที่ 1 งานโครงสร้างวิศวกรรม

  • งานรื้อถอนผนังกระจก 85 ตารางเมตร โครงผนังกระจก 188 ตารางเมตร และป้ายสถานีเดิม 2 ฝั่งเป็นเงิน  4,098,329.16 ล้านบาท

 

  • งานโครงสร้างเหล็ก น้ำหนักเหล็ก 13,014 กิโลกรัม เป็นเงิน   1,524,824.35  บาท

 

  • งานกระเช้าไฟฟ้ารองรับการทำงานที่สูง 28 เมตร เป็นเงิน  605,368.00  บาท  

งานส่วนที่ 2 งานสถาปัตยกรรม

 

  • การจัดหาและติดตั้งกระจกชุดใหม่ ที่ต้องสั่งหล่อเป็นพิเศษโดยเว้นรูเจาะให้พอดีจุดยึดโครงเหล็กกับตัวอักษรแต่ละตัวไว้ล่วงหน้า  เป็นเงิน 2,657,882.85 บาท

 

  • งานจัดหาและติดตั้งโครงกระจกอะลูมิเนียม เป็นเงิน 2,094,915.02 บาท

 

  • งานจัดหาติดตั้งป้ายที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และสัญลักษณ์การรถไฟฯ ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก รวม 110 ตัวอักษร และ 2 ตราสัญลักษณ์ เป็นเงิน 19,642,043.52 บาท

 
งานส่วนที่ 3 งานออกแบบรายละเอียดพร้อมรายการคำนวณ

 

  •  งานออกแบบด้านวิศวกรรมโครงสร้าง และรูปแบบการติดตั้ง เป็นเงิน 918,700.89 บาท

 
งานส่วนที่ 4 งานเผื่อเลือก (Provisional Sum)

 

  • งานติดตั้งและรื้อถอนวัสดุปิดแทนกระจกระหว่างเปิดใช้งาน เป็นเงิน 1,627,662.60 บาท แต่ในส่วนรายการนี้ ได้กำหนดไว้ว่า จะจ่ายให้ก็ต่อเมื่อผู้ว่าจ้างสั่งให้ดำเนินการ สำหรับงานติดตั้งและรื้อถอนวัสดุปิดแทนผนังกระจก เช่น แผ่นผนังอะครีลิกใส เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลมหรือฝนสาดเข้าตัวอาคารสถานี ระหว่างที่รอการผลิตและติดตั้งผนังกระจกใหม่ 

 

โดยในกรณีที่ผนังกระจกใหม่สามารถผลิตและติดตั้งให้แล้วเสร็จได้ทันภายใน 90 วัน ยอดเงินเผื่อจ่าย (Provisional Sum) รายการนี้ผู้ว่าจ้างก็จะไม่ต้องสั่งให้ผู้รับจ้างดำเนินการและผู้รับจ้างก็จะไม่สามารถขอเบิกจ่ายเงินค่าจ้างได้ ซึ่งก็คือ ถ้าไม่ต้องดำเนินการก็จะไม่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างรายการนี้ การรถไฟฯ ก็จะสามารถประหยัดเงินค่าจ้างลงได้ส่วนหนึ่งด้วย
 

ดังนั้นเห็นได้ว่าการตั้งข้อสังเกตที่ระบุว่า การรถไฟฯ ใช้งบประมาณในการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในราคาตัวอักษรละ 5 แสนบาท จึงไม่ใช่ความจริง เพราะในข้อเท็จจริงมีการติดตั้งตัวอักษรมากถึง 112 ตัวอักษร ไม่ใช่ 56 ตัวอักษร

 

สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์


อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอื่น ๆ เข้าไปรวมอยู่ในเนื้องานอีกจำนวนมากด้วยและที่สำคัญราคาการเปลี่ยนป้ายชื่อดังกล่าวยังสอดคล้องกับราคาประมาณการของชมรมป้าย ซึ่งประเมินค่าใช้จ่ายตัวอักษร เนื่องจากขนาดตัวอักษรป้ายชื่อมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ มีความสูงถึง 3 เมตร กว้าง 2.6 เมตร หนา 40 เซนติเมตร มีความยาวของป้ายใหม่รวม 60 เมตร ตามจำนวนอักษรของชื่อพระราชทาน 

 

ในส่วนที่เป็นอักษรภาษาอังกฤษ มีความสูง 2.1 เมตร กว้าง 2.2 เมตร หนา 40 เซนติเมตร อีกทั้งยังผลิตด้วยวัสดุพิเศษ เป็นอะคริลิกสีขาวนม ยกขอบ ซึ่งมีความทนทานต่อแดดและฝน รวมถึงซ่อนไฟแสงสว่างไว้ด้านหลังป้ายด้วย ขณะที่ตราสัญลักษณ์ของการรถไฟฯ ยังมีความสูงถึง 7 เมตรเช่นกัน
 

ส่วนประเด็นการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความเหมาะสม ในการใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงนั้นการรถไฟฯ ขอชี้แจงเหตุผลที่ต้องจ้างโดยวิธีดังกล่าว เนื่องจากการจ้างปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นการจ้างปรับปรุงงานก่อสร้างที่ได้ดำเนินงานก่อสร้างจนแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

ทั้งยังอยู่ระหว่างการรับประกันความชำรุดบกพร่องของกิจการร่วมค้า
เอส ยู ประกอบด้วย บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย
เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 


โดยบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างสถานี ซึ่งงานจ้างปรับปรุงฯ นี้ มีขอบเขตงานที่เกี่ยวกับการรื้อถอนของเดิมและติดตั้งของใหม่ที่กระทบต่อโครงสร้างของอาคารสถานีที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว ย่อมส่งผลต่อ
การรับประกันความชำรุดบกพร่องของงาน

 

การรถไฟฯ จึงได้กำหนดขอบเขตของงานให้ผู้รับจ้างต้องดำเนินงานภายใต้เงื่อนไข ข้อกำหนด รายการจำเพาะ ตามขอบข่ายวัตถุประสงค์ ของโครงการระบบรถไฟ
ชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ ๑ ซึ่งมีเพียงบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข จึงเป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๕๖ (๒) (ค) ที่ให้หน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการจัดจ้างจากผู้ประกอบการซึ่งมีคุณสมบัติโดยตรงเพียงรายเดียว ซึ่งถือเป็นการดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมมาภิบาลทุกประการ