สภาพคล่องร้านอาหารถดถอยหนัก SME เสี่ยงซอมบี้ เอกชนจี้รัฐเร่งแก้หนี้

25 พ.ย. 2568 | 22:30 น.

นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ชี้ธุรกิจร้านอาหารเผชิญวิกฤตสภาพคล่องต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปี 2568 เสนอรัฐเร่งออกมาตรการ Soft Loan พร้อม บสย.ค้ำประกัน

KEY

POINTS

  • ผู้ประกอบการร้านอาหารโดยเฉพาะ SME กำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องอย่างหนักและขาดทุนต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว
  • ธุรกิจ SME จำนวนมากตกอยู่ในภาวะ "ซอมบี้" และมีความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) เนื่องจากตัวเลขหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้น
  • ภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงินเฉพาะสำหรับธุรกิจร้านอาหาร เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง
  • เสนอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการพักชำระหนี้เงินต้นชั่วคราว 1-2 ปี เพื่อลดโอกาสที่ผู้ประกอบการจะกลายเป็นหนี้เสียและช่วยประคองธุรกิจ

นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโฮสเทลประเทศไทย เปิดเผยกับ ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ถึงมาตรการเศรษฐกิจที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณาเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหาร

ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสนอ 7 ข้อที่ยื่นต่อรัฐบาล ได้รับผลดีจากการที่กระทรวงการคลังพิจารณาออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) พร้อมให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาค้ำประกัน ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ผู้ประกอบการเสนอไป เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่มีทรัพย์สินเหลือใช้ค้ำประกันหลังจากใช้ไปในช่วงโควิด-19

นายสรเทพระบุว่า ปัญหาหลักของธุรกิจร้านอาหารคือกระแสเงินสดที่เริ่มขาดตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยร้านอาหารขนาดเล็กและ SME จำนวนมากเผชิญภาวะขาดทุนต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้เกิดการปิด–เปิดกิจการจำนวนมาก โดยเฉพาะในปี 2568 ที่สถานการณ์รุนแรงขึ้น ร้านอาหารขนาดเล็กมีกระแสเงินสดเพียงพอประคองธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน

“ผู้ประกอบการต้องการสินเชื่อเพื่อพยุงสภาพคล่อง แต่ไม่สามารถนำทรัพย์สินไปค้ำเพิ่มได้ เพราะถูกใช้ค้ำประกันวงเงินเดิมตั้งแต่ช่วงโควิด พร้อมเสนอให้รัฐบาลออกวงเงินสินเชื่อเฉพาะสำหรับธุรกิจร้านอาหาร เช่น วงเงินประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยแยกออกจากสินเชื่อ SME ประเภทอื่น เพื่อให้เข้าถึงผู้ประกอบการในภาคนี้ได้ตรงจุด”

สภาพคล่องร้านอาหารถดถอยหนัก SME เสี่ยงซอมบี้ เอกชนจี้รัฐเร่งแก้หนี้

ด้านมาตรการภาครัฐอื่น เช่น การสนับสนุนดิจิทัลแพลตฟอร์ม การอัปสกิล และการส่งเสริมระบบ POS นายสรเทพเห็นว่า แม้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการร้านอาหาร แต่ผู้ประกอบการรายเล็กจำนวนมากโดยเฉพาะร้านที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการรุ่นเก่า ยังไม่พร้อมเปลี่ยนไปใช้ระบบดังกล่าว จึงต้องมีการให้ความเข้าใจและสิทธิประโยชน์ชดเชยเพื่อจูงใจให้ปรับตัว

เขากล่าวถึงปัญหาหนี้ SME ว่า ตัวเลขหนี้ค้างชำระในระบบเพิ่มสูงขึ้น โดยหนี้ SME ที่ค้างชำระเกิน 30 วัน (Stage 2) เพิ่มขึ้น 15% ขณะที่หนี้เสีย (Stage 3) เพิ่มขึ้น 9% และพบว่ากลุ่มลูกค้ารายใหญ่เริ่มมีสัญญาณค้างชำระเช่นกัน ซึ่งสะท้อนความเปราะบางของระบบ โดยธุรกิจ SME จำนวนมากอยู่ในภาวะ “ซอมบี้” และเสี่ยงกลายเป็น NPL หากไม่มีมาตรการช่วยเหลือ

นายสรเทพเสนอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการหยุดชำระต้นเงินชั่วคราว ให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ย 1–2 ปี ก่อนทยอยกลับมาชำระต้นและดอก เพื่อลดโอกาสที่ผู้ประกอบการจะเข้าสู่สถานะ NPL พร้อมทำควบคู่กับการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการสามารถหมุนเวียนธุรกิจต่อไปได้

สำหรับความท้าทายสำคัญของ SME ไทย เขาระบุว่า การเข้าถึงแหล่งทุนยังเป็นอุปสรรคใหญ่ เนื่องจากขั้นตอนการขอสินเชื่อมีความซับซ้อน และนักลงทุนรายใหม่มักต้องลงทุนออกแบบหรือก่อสร้างไปก่อน แต่ท้ายที่สุดกลับไม่ผ่านการอนุมัติ ทำให้เกิดความเสียหายต้นทุนจำนวนมาก จึงเห็นว่าควรปรับหลักเกณฑ์ให้ SME สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแรงของเศรษฐกิจโดยรวม.