KEY
POINTS
นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า LG คาดว่าธุรกิจช่วงปลายปีจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หลักอย่างเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นที่มียอดขายดีตามฤดูกาล
ทั้งนี้ บริษัทยังคงติดตามนโยบายของภาครัฐชุดใหม่เพื่อประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น โครงการ "ช้อปดีมีคืน" ส่วนการเข้ามาของแบรนด์จีนจะทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง LG ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมสงครามราคา แต่จะมุ่งเน้นที่ คุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการเป็นหลักโดยเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะสร้างมูลค่าในระยะยาวและไม่ส่งผลเสียต่อภาพรวมตลาด
เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ดังกล่าว LG ได้จัดสรรงบลงทุน 800 ล้านบาทต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่และเพิ่มศักยภาพการผลิต นอกจากนี้ยังมีการนำเข้าเครื่องจักรจากเกาหลีมาเป็นต้นแบบ เพื่อให้วิศวกรไทยได้พัฒนาต่อยอด ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
นอกเหนือจากการลงทุนด้านการผลิตแล้ว LG ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและสิ่งแวดล้อม โดยมีการจัดสรรงบประมาณ 300 ล้านบาทของการลงทุนทั้งหมดในส่วนนี้
ด้านนาย วราพงษ์ อูปแก้ว ผู้อำนวยการโรงงาน บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ระยอง) กล่าวว่า LG ใช้กลยุทธ์ การจัดหาวัตถุดิบจากหลากหลายแหล่ง (Multi-sourcing) ทั้งจากเกาหลี เวียดนาม และไทย โดยกำลังพิจารณาเงื่อนไขจากสหรัฐฯ ที่กำหนดให้ชิ้นส่วนต้องมีแหล่งกำเนิดในประเทศถึง 70% หากเงื่อนไขดังกล่าวไม่เป็นไปตามข้อกำหนด LG ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนแหล่งจัดหา ในระยะยาว
โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจากผู้ผลิตในไทยเป็น 80-90% เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาท นอกจากนี้ยังมีแผนขยายพื้นที่โรงงานเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของโรงงานอื่นที่ต้องการเข้ามาในประเทศไทย
LG ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและสิ่งแวดล้อม โดยจัดสรรงบลงทุนถึง 30% ของทั้งหมดในส่วนนี้ จุดแข็งสำคัญของ LG ในไทยคือพนักงานที่มีคุณภาพสูงและมีความผูกพันกับองค์กรในระยะยาว ซึ่งสะท้อนจากสวัสดิการที่ดีเยี่ยม เช่น อาหารกลางวันและอาหารเย็นฟรี
นอกจากนี้ LG ยังใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืนในตลาด สำหรับข้อมูลการผลิตผลิตภัณฑ์หลักในปี 2567 ได้แก่