ตลาดโทรทัศน์ในประเทศไทยมีสัญญาณบวกในปี 2568 โดยคาดการณ์ว่าจะกลับมาเติบโต 2% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 21,100 ล้านบาท หลังจากที่เผชิญภาวะหดตัวต่อเนื่องถึง 2 ปีซ้อน การฟื้นตัวครั้งนี้ได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจากกลุ่มทีวีพรีเมียมและหน้าจอขนาดใหญ่ ที่ยังคงเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ราคาต่อเครื่องที่ลดลงและแบรนด์จีนที่เน้นราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าตลาดโดยรวมลดลงในช่วงที่ผ่านมา ข้อมูลแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มตลาดทีวีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา:
การหดตัวของตลาดส่วนหนึ่งมาจาก การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง โดยเฉพาะจากการเข้ามาของแบรนด์จีนที่เน้นกลยุทธ์ราคา ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อทีวีโดยพิจารณาจากราคาเป็นหลัก ส่งผลให้ราคาจำหน่ายต่อเครื่องโดยเฉลี่ยลดลง ขณะที่จำนวนยอดขายโดยรวมแทบไม่เปลี่ยนแปลง
แม้ตลาดโดยรวมจะหดตัว แต่เมื่อเจาะลึกไปที่ตลาดทีวี พบว่า เซ็กเมนต์พรีเมียมและทีวีหน้าจอขนาดใหญ่ (ราคาจำหน่ายมากกว่า 30,000 บาท) ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเติบโตต่อไปในอนาคต กลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้แบรนด์ทีวีในกลุ่ม Mid-High End หันมาให้ความสำคัญกับการสร้างยอดขายจากตลาดนี้มากขึ้น
นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ข้อมูลจากแอลจีชี้ให้เห็นว่าทีวีกลุ่ม OLED ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์พรีเมียม มีการเติบโตต่อเนื่องในทุกปี โดยในปี 2567 แอลจีครองตำแหน่งผู้นำตลาดทีวีพรีเมียม ด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 62% ในกลุ่มทีวี OLED และ 24% ของทีวีขนาด 75 นิ้วขึ้นไป
แอลจีคาดการณ์ว่าในปี 2568 ตลาดรวมของทีวีพรีเมียม OLED จะเติบโตขึ้น 13% และตลาดรวมของทีวีขนาด 75 นิ้วขึ้นไปจะเติบโตขึ้น 10% ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ แอลจีตั้งเป้าที่จะเติบโตเหนือตลาด ด้วยเป้าหมายการเติบโตที่ท้าทายถึง 20% ทั้งในกลุ่ม OLED TV และทีวีขนาด 75 นิ้วขึ้นไป
แอลจีเน้นการยกระดับนวัตกรรมทีวีในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ชิปประมวลผล α11 AI Processor 4K Gen2 ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น และระบบปฏิบัติการ webOS 25 ที่ใช้งานง่ายเป็นมิตรกับผู้ใช้ นอกจากนี้ ยังขยายไลน์อัพด้วยการเพิ่มขนาดจอ QNED เป็น 100 นิ้ว เพื่อมอบทางเลือกใหม่สำหรับประสบการณ์ความบันเทิงระดับอัลตร้าพรีเมียม
หัวใจสำคัญของ AI ในทีวีแอลจี คือความสามารถในการจดจำ เรียนรู้ และใส่ใจผู้ใช้อย่างแท้จริง ผ่าน 4 ฟีเจอร์อัจฉริยะที่ทำงานประสานกัน:
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เสริมอย่าง AI Magic Remote และระบบปรับแต่งภาพและเสียงอัจฉริยะ AI Picture/Sound Wizard ที่สามารถวิเคราะห์และปรับแต่งการแสดงผลได้มากถึง 1,600 ล้านรูปแบบ และปรับแต่งเสียงได้ถึง 84 ล้านรูปแบบ เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่สมบูรณ์แบบและเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้แต่ละคน
การให้ความสำคัญกับนวัตกรรม AI และการตอบสนองความต้องการของตลาดพรีเมียม-จอใหญ่ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์ทีวีชั้นนำใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดในภาวะที่ผู้บริโภคมองหาประสบการณ์ความบันเทิงในบ้านที่เหนือกว่าและมีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น