KEY
POINTS
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ธุรกิจร้านอาหารในปี 2567 มีมูลค่า 5.45 แสนล้านบาท เติบโต 8.9% โดยร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น มีมูลค่าราว 2.07 แสนล้านบาท เติบโต 6.9% ส่วนปี 2568 ธุรกิจร้านอาหารมีมูลค่าราว 5.72 แสนล้านบาท เติบโต 4.8% ส่วนธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ จะมีมูลค่าราว 2.13 แสนล้านบาท เติบโต 2.9%
นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางของตลาดร้านอาหารในช่วง 4-6 เดือนข้างหน้าเศรษฐกิจยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทาย ไม่มีปัจจัยบวกที่ชัดเจนที่จะกระตุ้นการจับจ่ายและการลงทุนในภาคธุรกิจร้านอาหาร
โดยระบุว่า ร้านอาหารและแบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องพัฒนาและรักษาคุณภาพอาหารและบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นที่จดจำในใจลูกค้าและอยู่ใน "Top of mind" ของผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
ทั้งนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจยังไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤติ แต่ลูกค้ากลุ่มหนึ่งยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย แบ่งเป็นสองกลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ยังคงมีสถานการณ์ยากลำบาก และกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายเนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ต่างๆ
คาดหวังจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลอาจออกมาในอนาคต เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” ที่จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายมากขึ้น โดยเน้นการให้สิทธิพิเศษในการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายในระยะสั้น
โดยมองว่าภาพรวมของตลาดร้านอาหารในครึ่งปีหลังแม้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว 100% แต่ช่วงไตรมาสที่ 4 จะเป็นช่วงพีคซีซั่นของร้านอาหาร โดยจะมีการกลับมาของทัวริสต์และการเปิดร้านใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของลูกค้า แต่บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการให้บริการที่มีความคุ้มค่าและเมนูใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการทานของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลง
นายธีรภพ กรานเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “KIWAMIYA” (คิวะมิยะ) ซึ่งเป็นร้านอาหารที่นำเสนอเมนูแฮมเบิร์กและสเต็กเนื้อวากิวจากญี่ปุ่น โดยคาดว่าแบรนด์นี้จะได้รับความนิยมจากคนไทย โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้ที่เคยไปญี่ปุ่นและรู้จักแบรนด์นี้อยู่แล้ว
มองว่า KIWAMIYA จะสามารถขยายตัวได้ดีในตลาดไทย เพราะยังไม่มีแบรนด์ประเภทนี้ในเมืองไทยมากนัก และจะเป็นการตอบโจทย์ตลาดที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากร้านอาหารในตลาด
พร้อมตั้งเป้าหมายว่าในระยะเวลา 2-3 ปี แบรนด์ KIWAMIYA จะมีจำนวนสาขาครบ 10 สาขา โดยจะมุ่งเน้นการเปิดในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ และพารากอน โดยมีงบประมาณในการลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท สำหรับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในช่วงแรก
ส่วนแผนธุรกิจด้วยการที่บริษัทเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมร้านอาหารในประเทศไทย การเปิดตัวแบรนด์ใหม่เช่น KIWAMIYA จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าหลักที่เป็นสมาชิกในระบบเว็บแอปพลิเคชันของบริษัท ซึ่งมีจำนวนสมาชิกประมาณ 2.5 แสนราย และ 70% ของสมาชิกเหล่านี้เป็นลูกค้าแอคทีฟที่กลับมาซื้อซ้ำ
สำหรับแผนการเติบโตในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าที่จะมีแบรนด์ในเครือทั้งหมด 7 แบรนด์ โดยในปี 2569 ตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 สาขา ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในสิ้นปี 2568 รายได้รวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปี 2567 โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2568 ที่ 1,300 ล้านบาท
เมนูเริ่มต้นที่ร้าน KIWAMIYA จะมีราคาประมาณ 300 บาท สำหรับเซ็ทเริ่มต้น โดยราคาเฉลี่ยต่อหัวจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาท ซึ่งทำให้แบรนด์นี้มีความเหมาะสมในการเปิดในห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ เช่น เซ็นทรัล, เดอะมอลล์ และสยามพิวรรธน์