“ไฮเออร์“ ตั้งฮับเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย ดันยอดขายเครื่องปรับอากาศ 1,108 ล้านบาท

08 ส.ค. 2568 | 07:01 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ส.ค. 2568 | 08:46 น.

“ไฮเออร์“ เปิดตัว Haier Thailand Training Center แห่งแรกในไทย พร้อมปักธงเป็นฮับบริการเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับหนึ่งในอาเซียน ตั้งเป้าปี 2568 ยอดขายกลุ่มเครื่องปรับอากาศโต 1,108 ล้านบาท

มร. ต่ง เจี้ยนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ (Commercial & Industrial HVAC) ที่ถูกลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม รีเทล และโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะระบบ MRV (Multi-split Variable Refrigerant Volume) ซึ่งสามารถออกแบบให้รองรับอาคารได้หลากหลายขนาดและฟังก์ชัน 

ทำให้ไฮเออร์ (ประเทศไทย) ที่เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกและแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 16 ปีซ้อน เดินเกมรุกเจาะตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ เดินหน้าขยายพอร์ตสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ เพื่อตอบรับโอกาสการเติบโตในระยะยาว ผ่านการเปิดตัว “Haier Thailand Training Center” เป็นแห่งแรกในไทย

โดยจะเป็นศูนย์ฝึกอบรมและนำเสนอโซลูชัน ด้านเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย พร้อมยกระดับมาตรฐานการติดตั้ง บริการหลังการขาย และพัฒนาบุคลากรมืออาชีพอย่างเป็นระบบ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Tech-driven Service Brand ผ่านการทรานส์ฟอร์มแบรนด์บริการให้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมผลักดันประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางบริการด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับอาเซียน ด้วยการตั้งเป้ายอดขายกลุ่มเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 1,108 ล้านบาท ภายในปี 2568

“ไฮเออร์“ ตั้งฮับเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย ดันยอดขายเครื่องปรับอากาศ 1,108 ล้านบาท

นอกจากนี้ ไฮเออร์ยังคงมุ่งเน้นเครื่องปรับอากาศที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุค Smart Home ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับความสะดวกสบายและประหยัดพลังงาน พร้อมรุกตลาดขยายฐานลูกค้าทั้งในระดับ B2C และ B2B อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่ม B2B จะมุ่งเจาะตลาดอาคารพาณิชย์ โรงแรม และสำนักงาน ผ่านความร่วมมือกับนักออกแบบระบบ ช่างเทคนิค และผู้พัฒนาโครงการ เพื่อสร้าง Ecosystem ที่ครบวงจรและยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบระบบ การติดตั้ง ไปจนถึงการบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ

“เป้าหมายเราคือการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรม ด้านระบบปรับอากาศและการบริการ ที่เชื่อมโยงองค์ความรู้เชิงเทคนิคในระดับภูมิภาค เพื่อผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น Innovation Hub ด้าน HVAC และฐานพัฒนาบุคลากรในอาเซียน รองรับบริการหลังการขายครบวงจรอย่างยั่งยืน”

มร. ต่ง กล่าวว่า สำหรับศูนย์ฝึกอบรมณ์ Haier Thailand Training Center ด้านเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย ผสานทั้งระบบการเรียนรู้ ซอฟต์แวร์ออกแบบ และแพลตฟอร์ม Smart Service เข้าด้วยกันอย่างครบวงจร เพื่อยกระดับการให้บริการเชิงรุก วิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานจริงของลูกค้า และส่งต่อข้อมูลสำคัญไปยังทีม R&D เพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในอนาคต 

พร้อมยึดแนวทาง Sustainable Growth เป็นหัวใจของการพัฒนาศูนย์ฯ แห่งนี้ ด้วยการส่งเสริมการออกแบบระบบที่ช่วยประหยัดพลังงาน ลดข้อผิดพลาดในการติดตั้ง และลดการเดินทางของช่างเทคนิคผ่านระบบ Remote Service ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายด้าน ESG, Green Building และ Smart City ที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเมืองในปัจจุบัน

“ไฮเออร์“ ตั้งฮับเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย ดันยอดขายเครื่องปรับอากาศ 1,108 ล้านบาท

นอกจากนี้ ภายในศูนย์ฯ ยังมุ่งเน้นการยกระดับบุคลากรแบบองค์รวม ทั้งในมิติเชิงเทคนิคและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ รองรับแนวโน้มการใช้งานระบบปรับอากาศแบบ MRV (Multi-split Type) ซึ่งมีความซับซ้อนและแพร่หลายมากขึ้นในอาคารสำนักงาน โรงแรม คอนโดมิเนียม และศูนย์การค้า โดยจัดหลักสูตรอบรมเชิงลึกที่ครอบคลุมตั้งแต่ Load Estimate & Building Load Profile, ระบบปรับอากาศพื้นฐาน, การออกแบบและติดตั้ง MRV, การใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบและเลือกขนาด MRV, การแก้ไขปัญหา MRV รวมถึงการเริ่มต้นระบบ (Start-up & Commissioning) ทั้งในระบบ MRV และ Chiller

นับเป็นอีกก้าวสำคัญของไฮเออร์ในการยกระดับธุรกิจบริการ ที่ไม่เพียงต้องการเป็นผู้นำด้านยอดขาย แต่ยังมุ่งมั่นสู่การเป็น Tech-driven Service Brand เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ และการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะในกลุ่มเชิงพาณิชย์ ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว โดยในอนาคตไฮเออร์มีแผนขยายศูนย์ฝึกอบรมไปยังภูมิภาคอื่น และเดินหน้าต่อยอดองค์ความรู้จากกลุ่มแอร์สู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อยกระดับการบริการในทุกกลุ่มสินค้าอย่างเป็นระบบต่อไป