นายรวิศ หาญอุตสาหะ CEO บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด (SRICHAND) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดค่อนข้างใหญ่ โดยเฉพาะช่องทาง Modern Trade ในประเทศไทย มีมูลค่าสูงกว่า 5,000 ล้านบาท และยังคงขยายตัวต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยประมาณ 5–10% ต่อปี และหากรวมกับช่องทาง Traditional Trade คาดว่าจะมีมูลค่า 1.5-2 หมื่นล้านบาท
สะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา ที่เริ่มมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด หันมาให้ความสำคัญกับการปกป้องผิวจากรังสี UV และมลภาวะในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น เมื่อไปทะเล เผชิญกับแสงแดดนเมืองไทยมีความรุนแรง แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ แสงภายในและภายนอกอาคาร
"ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดถือว่าแข่งขันสูง มีผู้เล่นและแบรนด์จำนวนมาก ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ แต่อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์กันแดดในประเทศไทยก็มีความก้าวหน้าอย่างมากเช่นกัน ทั้งในด้าน R&D และเทคโนโลยีการผลิต ซึ่งทำให้แบรนด์ไทยสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพทัดเทียมแบรนด์ต่างชาติในราคาที่เข้าถึงได้"
สำหรับศรีจันทร์มีผลิตภัณฑ์กันแดดหลัก 2 ตัว คือ Sunlution สูตรสีเขียว และสูตรสีชมพู ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “SRICHAND SUNLUTION ROSIA ULTRA PROTECTION SERUM SUNSCREEN SPF50+ PA++++” สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคตั้งแต่อายุ 20-40 ปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง
ด้วยกลยุทธ์ Music Marketing สร้างการรับรู้ของแบรนด์ โดยมี “โบว์ – เมลดา สุศรี” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดด SRICHAND SUNLUTION ส่งต่อภาพลักษณ์แบรนด์ และสร้างภาพจำของแบรนด์ในรูปแบบใหม่ๆ พร้อมต่อยอดเนื้อหาคอนเท้นท์ไปสู่กลุ่มเป้าหมาย ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมวางจำหน่ายไปยังร้านบิวตี้สโตร์และช่องทางค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศ
โดยตั้งเป้าการเติบโตของพอร์ตในปี 2568 สูงถึง 50% ขยายสัดส่วนการขายได้ถึง 10% สูงกว่าการเติบโตของตลาดกันแดดโดยรวมของศรีจันทร์ประมาณ 30-40% ในปี 2567 ขณะที่สัดส่วนรายได้ของศรีจันทร์ในปัจจุบัน สูงสุดจะอยู่ในกลุ่ม Skin Care ถัดมาคือ Make-up เช่น แป้ง, รองพื้น, คอนซีลเลอร์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดด
นายรวิศ กล่าวว่า ตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดในภาพรวมการแข่งขันค่อนข้างสูง มีผู้เล่นและแบรนด์จำนวนมาก ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ ผู้บริโภคมีแนวโน้มสลับเปลี่ยนแบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดบ่อยกว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์ แต่ไม่มากเท่าลิปสติกหรือเครื่องสำอางมีสี หลายคนมีผลิตภัณฑ์กันแดดหลายยี่ห้อและพร้อมที่ทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เสมอ เนื่องจากผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นของที่ใช้แล้วหมดเร็ว
"ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดในปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยมาก เช่น เด็กอายุ 8 ขวบ ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่นิยมใช้ในกลุ่มวัยทำงานหรือวัยผู้ใหญ่ ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์กันแดนแข่งขันสูง มีแบรนด์ใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น และต่างพัฒนาสูตรเฉพาะที่ตอบโจทย์ผิวหน้าและป้องกันผิวได้หลากหลายมิติ โดยเฉพาะผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสารสกัด เทคโนโลยีการป้องกัน ค่า SPF และ PA ตลอดจนความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และงานวิจัยรองรับ"
นอกจากนี้ เทรนด์ของผู้บริโภคยังนิยมเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดจากหลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อสัมผัส ที่ต้องบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ หรือไม่รบกวนเครื่องสำอางอื่นที่สามารถใช้ร่วมกันได้ นอกจากนี้ ยังพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการกันน้ำ กันเหงื่อ และการไม่ระคายเคือง
อย่างไรก็ตาม ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น หลายคนยังคงซื้อผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และกันแดด โดยคิดวิเคราะห์มากขึ้นและอาจเลือกซื้อไซส์ที่เล็กลงเพื่อให้ราคาถูกลง