"แสงชัย" แนะรัฐบาลฉีดวัคซีน สกัดประเทศเข้าสู่ "Black Zone"
สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ชี้ความเสี่ยงจากสงครามภูมิรัฐศาสตร์ที่ปะทุขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งอาจผลักดันให้ประเทศเข้าสู่ "Black Zone" ย้ำทุกฝ่ายต้องใช้ "ปัญญามากกว่าอารมณ์" และเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่จัดตั้ง ครม. ที่ "ตรงปก" เพื่อนำพาประเทศก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความเปราะบางของประเทศไทย ที่กำลังลุกลามจากปัญหาเศรษฐกิจสู่เสถียรภาพทางการเมือง และความมั่นคงของชาติ บนความเสี่ยงจากสงครามภูมิรัฐศาสตร์ที่ปะทุขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ซึ่งอาจผลักดันให้ประเทศเข้าสู่ "Black Zone" หรือวังวนแห่งความอ่อนแอ ที่จะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และอธิปไตยของชาติ นายแสงชัย ย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องใช้ "ปัญญามากกว่าอารมณ์" ในการแก้ไขปัญหา และเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่จัดตั้ง ครม. ที่ "ตรงปก" เพื่อนำพาประเทศก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้
“แสงชัย” ห่วงไทยเสี่ยง "Black Zone" วิกฤตซ้อนวิกฤตจากศึกใน-ศึกนอก
นายแสงชัย แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย โดยชี้ว่าผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SME กำลังเผชิญกับความกังวลใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจากความเสี่ยงที่ประเทศจะตกหลุมแห่งความขัดแย้ง ทั้ง "ศึกใน" อันเนื่องมาจากความเปราะบางทางการเมือง และ "ศึกนอก" จากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
"เราไม่อยากให้ประเทศเข้าสู่ 'Black Zone' วังวนของความอ่อนแอที่เสถียรภาพทางการเมืองต่ำ ความเปราะบางทางเศรษฐกิจสูง สังคมเกิดความปั่นป่วนไร้ความเชื่อมั่นแตกแยก ความมั่นคงทางดินแดนอธิปไตยที่เสี่ยงปะทะสูญเสียจนเสียหายเกิดสงครามยืดเยื้อ และสุดท้ายประเทศไทยต้องมาเข้าสู่การ 'ฟื้นฟู รักษาเยียวยากันอย่างยาวนาน'" นายแสงชัยกล่าว
นายแสงชัย เสนอแนวทางในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศแข็งแกร่งขึ้น นั่นคือ
"วัคซีนสติและแก้ปัญหาด้วยการใช้ปัญญามากกว่าอารมณ์พาไปและอาวุธสงครามพามา"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีการยั่วยุปลุกระดมจากผู้นำของกัมพูชา
ในส่วนของการปกป้องอธิปไตยของชาติ สมาพันธ์เอสเอ็มอีและประชาชนยังคงมีความเชื่อมั่นในกองทัพไทย ไม่ว่ารัฐบาลจะมีหน้าตาอย่างไร "แต่การรักษาปกป้องอธิปไตยของชาติให้มีความมั่นคงตลอดไป" ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ไม่เพียงแต่กองทัพเท่านั้น แต่ยังเป็นหน้าที่ของพลเมืองไทยทุกคนที่จะต้องสามัคคีกันร่วมปกป้องกับทหารไทยด้วย
ครม. "ตรงปก" คือหัวใจขับเคลื่อนประเทศ
ประเด็นสำคัญอีกประการที่นายแสงชัยเน้นย้ำคือการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ต้อง "ตอบโจทย์ประเทศไทย" ซึ่งเป็นหนึ่งในความคาดหวังของสมาพันธ์เอสเอ็มอีและประชาชน ที่ต้องการเห็นการจัดวางผู้ที่มีความเหมาะสมในตำแหน่งต่างๆ การคัดสรร "คนดีมีฝีมือ" มาขับเคลื่อนประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการคัดเลือกบุคคล คือ "กระบวนการแบ่งสายการบริหารรับผิดชอบกระทรวงหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงกับพรรคร่วมรัฐบาลที่จะทำให้มีทิศทางการทำงานแบบ 'ทีมเวิร์คที่สามัคคีเป้าหมายเดียวกันที่ชัดเจน' โดยมีผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้งควบคู่กับการบริหารจัดการความขัดแย้งที่ดี"
นายแสงชัย เตือนว่า หากการปรับ ครม. "ไม่ตรงปก" จะส่งผลให้ประเทศเข้าสู่ "การติดกับดัก" และไม่อยากเห็นประเทศไทยเข้าสู่ทางตันทางการเมืองที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ผันผวน และสังคมที่ขยายความเหลื่อมล้ำออกไป
สุดท้ายนี้ นายแสงชัย ย้ำแนวทางที่สำคัญคือ "เลือกเป้า เลือกคน เลือกเดิน ลดการเผชิญหน้า เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" ซึ่งสะท้อนความคาดหวังให้ทุกฝ่ายร่วมกันใช้สติปัญญาและความสามัคคี เพื่อนำพาประเทศออกจากวิกฤตและเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน