นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ถึงประเด็นร้อนอย่างความไม่แน่นอนทางการเมืองในตอนนี้โดยมองว่า เป็นเรื่องปกติที่ต้องเผชิญอยู่แล้ว "เปลี่ยนตลอดอยู่แล้ว" และภาคเอกชนมีหน้าที่ในการดำเนินธุรกิจในส่วนของตนเอง
“มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มีสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงความผันผวนทางเศรษฐกิจจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับภาคธุรกิจไทย หน้าที่ของภาคเอกชนคือการขับเคลื่อนธุรกิจซึ่งเราทำมาโดยตลอด และพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ช่วยประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป”
นายรัชตะ เผยผลประกอบการ 5 เดือนแรกปี 2568 เติบโตต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 30% โดยโตเพียง 10% จากปัจจัยหลักคือมาตรการลดหย่อนภาษี E-Receipt ที่ปรับลดเพดานลง เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และสภาพอากาศที่ไม่ร้อนจัดและยาวนานเหมือนปีก่อน ส่งผลให้สินค้ากลุ่มเครื่องปรับอากาศเติบโตน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมองเห็นแสงสว่างจากกลุ่มสินค้า "AI Product" ที่กำลังเป็นเทรนด์และสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เตรียมปรับกลยุทธ์เน้นกลุ่มพรีเมียมและนวัตกรรมเพื่อพยุงยอดขายทั้งปีให้ยังคงเติบโตเป็นเลขสองหลัก
ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ มาตรการ E-Receipt การปรับลดเพดานการลดหย่อนภาษีจากเดิม 40,000 บาท เหลือ 20,000-30,000 บาท ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น และอากาศที่ไม่ร้อนจัดและยาวนานเหมือนปีก่อน ทำให้ยอดขายสินค้ากลุ่มเครื่องปรับอากาศซึ่งเคยเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ เติบโตน้อยที่สุด แม้จะยังดีกว่าตลาดโดยรวมที่ติดลบถึง 30-40% ก็ตาม
แม้ภาพรวมจะไม่เป็นไปตามคาด แต่สินค้ากลุ่ม "AI Product" กลายเป็นความหวังใหม่ที่เข้ามาช่วยพยุงยอดขายของพาวเวอร์มอลล์ได้อย่างโดดเด่น นายรัชตะระบุว่า "สินค้า AI เนี่ย เติบโตถึง 50% ช่วงที่ผ่านมา" ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
พาวเวอร์มอลล์เป็นผู้นำตลาดสินค้าพรีเมียม โดย 60-70% ของสินค้าทั้งหมดในร้านเป็นกลุ่มพรีเมียม ซึ่งมากกว่าตลาดโดยรวมที่มีสัดส่วนสินค้าพรีเมียมเพียง 20% และสินค้า AI ส่วนใหญ่ก็จัดอยู่ในกลุ่มพรีเมียมอยู่แล้ว
กลุ่มสินค้า AI ที่โดดเด่น ได้แก่
ทั้งนี้จำนวนรุ่นของสินค้า AI ในพาวเวอร์มอลล์เพิ่มขึ้นจาก 1,000 กว่ารุ่นในปีที่แล้ว เป็น 2,500-2,700 รุ่นในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของ SKU ทั้งหมด 40,000-50,000 รายการ สำหรับครึ่งปีหลัง พาวเวอร์มอลล์ยังคงมั่นใจในการเติบโตของสินค้า AI และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังมีอยู่ในกลุ่มพรีเมียม
เมื่อถามถึงเป้าหมายการเติบโตทั้งปี นายรัชตะ ยอมรับว่า เป้าหมายการเติบโตเดิมที่เคยตั้งไว้ 30% แต่ยังคงมั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตเป็นเลขสองหลักได้ โดยไม่กังวลกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เผชิญมาตลอดครึ่งปีแรก
"เราก็รู้อยู่แล้วครึ่งปีแรกเจออะไร เศรษฐกิจที่เราเห็นอยู่แล้วเราไม่เป็นเรื่องใหม่เลย ก็อยู่ที่ว่ายังไปได้อยู่ คือทางตัวเราเองต้องสร้างมูลค่าให้กับผู้บริโภค นำเรื่อง AI หรือกลุ่มพรีเมียมนำเสนอลูกค้าเมื่อไหร่ ซึ่งลูกค้าของเราเองพร้อมที่จะจ่ายอยู่แล้ว"
สำหรับการปรับขึ้นค่าแรง 400 บาทในเดือนกรกฎาคมนี้ นายรัชตะ มองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อพาวเวอร์มอลล์โดยตรง เนื่องจากฐานเงินเดือนพนักงานของบริษัทฯ สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นอยู่แล้ว
นอกจากนี้ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมปี 67 มีมูลค่าตลาดประมาณ 2.2-2.3 แสนล้านบาท และคาดการณ์ทั้ปีนี้จะเติบโตประมาณ 1-2% ท โดยพาวเวอร์มอลล์ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์สินค้าพรีเมียมและ AI เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
นอกจากนี้ พาวเวอร์มอลล์ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและความครบครันของกลุ่มสินค้า AI อันดับหนึ่ง ภายใต้การบริหารของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ประกาศรุกตลาดเทคโนโลยีอัจฉริยะเต็มรูปแบบ ครบครันทุกความหลากหลายของสินค้านวัตกรรม A.I. มากที่สุด พร้อมการร่วมมือกับแบรนด์พันธมิตรชั้นนำต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้ารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่การเป็น “A.I. INNOVATION HUB” แห่งวงการค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ไทย เปิดตัวมหกรรม “POWER MALL ELECTRONICA SHOWCASE” ยกระดับนวัตกรรมรวบรวมสินค้ากลุ่ม A.I. ครบทุกเซ็กเมนต์ครั้งใหญ่ที่สุดแห่งปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “THE POWER OF A.I.” ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน – 20 สิงหาคม 2568 ที่ POWER MALL ทุกสาขา