"เดอะ คอฟฟี่ คลับ" เครือร้านกาแฟและอาหารชื่อดัง เดินหน้าใช้งบลงทุนกว่า 60 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงร้านเดิมและขยายสาขาใหม่รวม 10 แห่ง หวังกระตุ้นยอดขายให้เติบโต 15% พร้อมปรับกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น จากเดิมที่เน้นนักท่องเที่ยวเป็นหลัก หลังพบไตรมาสแรกปี 2568 กวาดกำไรกว่า 20 ล้านบาท ตอกย้ำความแข็งแกร่งในตลาดท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวน
นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เอ็มเอฟ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จำกัด กล่าวว่า “จากภาพรวมการดำเนินธุรกิจของเดอะ คอฟฟี่ คลับ และความสำเร็จในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะลูกค้าคนไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากกลยุทธ์ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความหลากหลายและความสะดวกสบาย ทั้งการเปิดตัวเมนูใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง การขยายฐานสมาชิกผ่านแอปพลิเคชันและ Loyalty Program ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงปัจจัยหลักอย่างการขยายสาขาในทำเลศักยภาพ
ตัวอย่างความสำเร็จคือสาขาในโรงพยาบาลจุฬาฯ (MDCU) ที่หลังจากรีโนเวทแล้ว ไม่เพียงแต่ยังคงมีนิสิตแพทย์มาใช้บริการจำนวนมาก แต่ยังดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เช่น คุณแม่วัย 70 ปี และกลุ่มคนทำงานที่เข้ามาเป็นจุดนัดพบ หรือใช้พื้นที่นั่งทำงาน สะท้อนถึงการสร้าง "Neighborhood Moment" ที่ทำให้ร้านเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชุมชน และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนทุกวัย ไม่จำกัดเฉพาะวัยรุ่น
“แผนการลงทุนครั้งนี้มุ่งเน้นการรีโนเวทร้านเดิม 10 สาขา โดยทุกครั้งที่มีการปรับปรุงร้าน ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมในสัดส่วน 50:50 ระหว่างกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมีเป้าหมายเพื่อชิงทราฟฟิกของลูกค้าทั้งในวันจันทร์-ศุกร์ และวันหยุดสุดสัปดาห์”
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ถือเป็นช่วงเวลาที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของเดอะ คอฟฟี่ คลับ โดยสามารถทำกำไรได้กว่า 20 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากการที่สัดส่วนลูกค้าต่างชาติยังคงสูงถึง 70% ซึ่งได้รับอานิสงส์จากช่วงไฮซีซันของภาคการท่องเที่ยว ผู้บริหารมั่นใจว่าในไตรมาส 4 ของปีนี้ ผลกำไรจะยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง
เดิมทีสัดส่วนลูกค้าของเดอะ คอฟฟี่ คลับ เป็นชาวต่างชาติสูงถึง 90% แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 70% และตั้งเป้าที่จะปรับสัดส่วนลูกค้าต่างชาติให้เหลือ 60% เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มคนไทยมากขึ้น โดยสาขาที่เปิดใหม่ 5 แห่งนั้น มีถึง 4 สาขาที่ตั้งอยู่ในโรงแรมระดับ 3 ดาว ซึ่งเป็นทำเลที่เอื้อต่อการเข้าถึงทั้งนักท่องเที่ยวและคนไทย ในขณะที่สาขาโรงแรมทั้งหมดในเครือปัจจุบันมี 10 สาขา จุดเด่นสำคัญที่ทำให้เดอะ คอฟฟี่ คลับ แตกต่างจากคู่แข่งคือ การเป็นร้านกาแฟที่มีบริการอาหารหลากหลาย และยังเป็นอาหารที่ตอบรับเทรนด์สุขภาพ ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยมีค่าเฉลี่ยต่อบิลอยู่ที่ 300 บาท
สำหรับสาขาในกรุงเทพฯ ที่มียอดทราฟฟิกและยอดขายสูงสุดคือ สาขาดอนเมือง สุขุมวิท 11 และทองหล่อ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของทำเลใจกลางเมืองและแหล่งท่องเที่ยว
คาดการณ์เติบโต 1-2% ในปีนี้ พร้อมขยายปีละ 4-5 สาขาจากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 5% ซึ่งถือเป็นการเติบโตในภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย โดยมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ปีละ 4-5 สาขา ด้วยงบลงทุนเฉลี่ย 7-8 ล้านบาทต่อสาขา นอกจากนี้ ยังพบว่าการเติบโตของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อแบบ Takeaway (ซื้อกลับบ้าน) มีอัตราสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้และขยายฐานลูกค้าในอนาคต