ชี้เป้า "เมืองรอง" ดาวรุ่งค้าปลีก รายได้โต ศักยภาพพุ่งแซงเมืองหลัก

03 พ.ค. 2568 | 09:00 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ แม้ยอดขายค้าปลีกชะลอ แต่ "เมืองรอง" บางจังหวัด เช่น ชุมพร-ลพบุรี รายได้โต-ร้านค้าน้อย เป็นขุมทองใหม่น่าลงทุนแซงเมืองหลัก เหตุความเป็นเมืองขยาย-ท่องเที่ยวบูม

จับสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในตลาดค้าปลีกไทย เมื่อศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่า แม้ยอดขายโดยรวมของภาคค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงในช่วงปี 2567-2568 เฉลี่ยเพียง 3.4% (จาก 5.9% ในช่วงปี 2565-2566) อันเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้าและการแข่งขันกับอีคอมเมิร์ซต่างชาติที่รุนแรง แต่ผู้ประกอบการค้าปลีกยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน "จังหวัดเมืองรอง" ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

รายงานระบุว่า การขยายสาขาในต่างจังหวัดเป็นไปตามการขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) และการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GPP) ของภาคค้าปลีกในต่างจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 42% ในปี 2568

"เมืองรอง" บางแห่ง ศักยภาพแซงหน้าเมืองหลัก

ที่น่าสนใจคือ นอกเหนือจากจังหวัดเมืองหลักที่เป็นที่คุ้นเคยแล้ว ยังมีหลาย "จังหวัดเมืองรอง" ที่ถูกจับตามองว่าเป็นพื้นที่ศักยภาพในการลงทุนธุรกิจค้าปลีกอย่างมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือ รายได้ประชากรและการใช้จ่ายในภาคค้าปลีกที่ยังคงขยายตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ ควบคู่ไปกับ ความหนาแน่นของร้านค้าที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีโอกาสในการเติบโตอีกมาก

2 จังหวัดดาวเด่น: ชุมพร และ ลพบุรี

จากการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า จังหวัดชุมพร และ จังหวัดลพบุรี เป็น 2 จังหวัดเมืองรองที่มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกครบทั้ง 5 ประการ ได้แก่ การขยายตัวของความเป็นเมือง, การเติบโตของภาคท่องเที่ยว, การเติบโตของรายได้ประชากร, การเติบโตของการใช้จ่ายค้าปลีก และความหนาแน่นของร้านค้าที่ยังน้อย

จังหวัดที่มีศักยภาพรองลงมา (4 ปัจจัย): เพชรบูรณ์, หนองคาย, อุดรธานี, บุรีรัมย์, ปราจีนบุรี และนครศรีธรรมราช

จังหวัดที่น่าสนใจ (3 ปัจจัย): เชียงราย, พิษณุโลก, ตาก, เลย, นครพนม, อุบลราชธานี, นครนายก, จันทบุรี, ตราด, สุพรรณบุรี, ราชบุรี และสตูล

ปัจจัยหนุนการขยายตัวของค้าปลีกในต่างจังหวัด

การขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) สัดส่วนประชากรที่อาศัยในเขตเมืองของไทยปัจจุบันอยู่ที่ 54% ซึ่งยังต่ำกว่าหลายประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการยังมีโอกาสขยายสาขาในต่างจังหวัด ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตนักท่องเที่ยวเริ่มให้ความสนใจเมืองรองมากขึ้น ส่งผลให้การบริโภคค้าปลีกในพื้นที่เหล่านี้เพิ่มขึ้น

การรุกพื้นที่ศักยภาพ ผู้ประกอบการต้องการชิงส่วนแบ่งตลาดก่อนคู่แข่งเข้ามาลงทุน หรือใช้กลยุทธ์ "Market Cannibalization" โดยเปิดสาขาใหม่ใกล้เคียงสาขาเดิมเพื่อเพิ่มยอดขายรวม

โมเดลค้าปลีกยุคใหม่ ต้องยืดหยุ่น-ปรับตัวตามพื้นที่

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า รูปแบบธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันมีความหลากหลายและผสมผสานมากขึ้น การตลาดแบบ Omni-channel เข้ามามีบทบาทสำคัญ การขยายการลงทุนของผู้ประกอบการจึงต้องมีความรอบคอบและปรับรูปแบบร้านค้าให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ เช่น ร้านค้าในแหล่งท่องเที่ยวอาจเพิ่มสินค้าท้องถิ่น อาหารสด/พร้อมทาน สินค้าสุขภาพ หรือบริการส่งถึงที่พัก

นอกจากนี้ การเพิ่มบริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการทางการเงิน รับ-ส่งพัสดุ หรือจุดรับฝากของสำหรับนักท่องเที่ยว ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่และตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น ท่ามกลางพลวัตของตลาดที่ไม่แน่นอน การปรับตัวอย่างรวดเร็วและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจค้าปลีกในยุคนี้