“ดร.บุรณิน” แนะรัฐกู้เงินสู้ภาษีทรัมป์ ต้องยอมกระทบหนี้สาธารณะ

03 พ.ค. 2568 | 11:00 น.

นายกฯ MAT ชี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจมอยู่กับความไม่แน่นอน แนะรัฐเร่งสร้างความเชื่อมั่น ฟื้นการลงทุน ให้ข้อเท็จจริง พร้อมออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่าย แม้ต้องขยับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งเศรษฐกิจที่ผันผวน นโยบายการค้าและการเงินที่ไม่นิ่ง ภาวะโลกร้อน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและลึกซึ้ง ส่งผลกระทบต่อการตลาดและธุรกิจในวงกว้าง ซึ่งสถานการณ์ปีนี้ไม่ปกติเหมือนกันทั้งโลก การกลับมาสู่ภาวะปกติอาจเป็นเรื่องยากสำหรับทุกประเทศ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้ในวันที่เศรษฐกิจโลกจะไม่กลับมาเติบโตเท่าเดิม รูปแบบการค้าก็แตกต่างจากเดิมจากการค้าเสรี (Free Trade) และห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain) สู่การเอาตัวรอดของแต่ละประเทศในสงครามการค้า

 สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 1-3 เดือนที่ผ่านมา คือการขาดความเชื่อใจ (Trust) ในสังคมและโลก โดยเฉพาะในเรื่องการค้าเสรี อเมริกาเองก็พยายามสร้างความเชื่อใจ เพื่อให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง จีนก็ต้องการเป็นผู้นำเรื่องการค้าเสรี ขณะเดียวกันประเทศในอาเซียน อย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย ก็ต้องการกลับมาเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ไทยเองก็ต้องผ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจไปด้วยกัน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับยุโรป อเมริกา และจีน

 “ไทยต้องสร้างความเชื่อมั่น ฟื้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุน การสร้างความเชื่อใจและให้ข้อเท็จจริงกับภาคประชาชนและภาคเอกชนเป็นสิ่งสำคัญ อย่างประเทศสิงคโปร์ รัฐบาลลุกขึ้นมาพูดให้ประชาชนทราบว่าปัจจุบันต้องเจอกับสถานการณ์แบบไหน”

“ดร.บุรณิน” แนะรัฐกู้เงินสู้ภาษีทรัมป์ ต้องยอมกระทบหนี้สาธารณะ

 ขณะที่แรงกระแทกจากภาษีทรัมป์ เขย่าให้รัฐบาลไทยเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทนั้น “ดร.บุรณิน” เห็นด้วยกับการผลักดันประเทศให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าผ่านการส่งออก เราต้องลุกขึ้นมาทำเรื่องสำคัญอย่างลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การกระตุ้นที่ดีที่สุดคือการลงทุน และการลงทุนที่ดีคือการลงทุนปรับตัวกับอุตสาหกรรมใหม่ๆ

นโยบายภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะการกีดกันทางการค้ากับจีน ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง จากปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงในหลายประเทศ ปัญหาหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปได้ยาก และธุรกิจต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น

 “เราต้องเปลี่ยนการส่งเสริม การลงทุนและการดึงนักลงทุนเข้ามา เราไม่ได้ดูแค่ปริมาณ เราต้องประเมินความได้เปรียบกับประเทศให้ได้มากที่สุด และอย่าคาดหวังให้ GDP เติบโตเท่าเดิมคงจะเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นรัฐบาลต้องกระตุ้นการจับจ่าย อาจจะต้องยอมแม้แต่การขยับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะเพื่อเอามาทำโครงสร้างพื้นฐานและการขับเคลื่อนประเทศสู่ระยะกลางระยะยาวได้”

 “ดร.บุรณิน” ประเมินสถานการณ์ไทยในครึ่งปีหลังว่า อย่าคาดหวังว่า GDP จะถึงเป้าที่ประเมินไว้คือ 3% เป็นไปได้ยากมาก นักวิชาการหลายท่านก็คาดว่าจะไปไม่ถึงฝัน สิ่งที่ทำได้คือการตั้งหลัก ตั้งรับ และปรับแผน เพื่อปีหน้าจะมีแผนให้ไม่โตต่ำไปกว่านี้

 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและนโยบายการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ธุรกิจไทยต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและมีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น การให้ความสำคัญกับการตลาดที่ “ลึก-ไว-เชื่อใจ” การลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร จะเป็นกุญแจสำคัญในการฟันฝ่าวิกฤตและสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน

 

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,093 วันที่ 4 - 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2568