นายเฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบิสกิตในประเทศไทยปี 2567 มีมูลค่าราว 17,471 ล้านบาท เติบโต 10% ตามข้อมูลจาก Nielsen Full Year โดยกูลิโกะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 แม้ว่าจะมีความท้าทายจากเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกต่างๆ
ปัจจัยที่เป็นความกังวลหลักในตลาดบิสกิตคือปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยเฉพาะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีผลต่อการส่งออกและการแข่งขันในตลาดขนม
รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอย่างโกโก้ที่มีราคาสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาของโกโก้ในปีนี้เริ่มดีขึ้น ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ผลิต โดยกูลิโกะมีการนำเข้าจากหลายประเทศในแอฟริกา และยังพิจารณาถึงการนำเข้าโกโก้จากแหล่งในประเทศ เช่น ภาคเหนือที่ผลิตโกโก้จากเกษตรกรรายย่อย แต่ยังคงพบปัญหาเกี่ยวกับการจัดหาวัตถุดิบจากเกษตรกรรายย่อยที่มีจำนวนน้อยไม่เพียงพอ ทำให้ต้องหาหลายเจ้า
นายเฉลิมพงษ์ กล่าวต่อวาการจับจ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาว่า แม้ว่าผู้บริโภคจะระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่ลดลง แต่กลับมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงคโปร์เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบขนมของประเทศญี่ปุ่น ทำให้กูลิโกะยังสามารถรักษาการเติบโตได้
ในด้านการแข่งขันในตลาดขนม มีผู้เล่นจำนวนมากเข้ามาในตลาด โดยมี 50-60 แบรนด์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด ทั้งแบรนด์จากอินโดนีเซีย ไทย จีน และมาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งทำให้การแข่งขันในตลาดนี้สูงขึ้นอย่างมาก
ปัจจุบัน กูลิโกะ ขยายตลาดไปยัง 12 ประเทศทั่วโลก โดยได้จำหน่ายสินค้าของตนในหลายประเทศที่สำคัญ เช่น แคนาดา ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา ออสเตรีย รวมถึงหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย การขยายตลาดดังกล่าวทำให้กูลิโกะสามารถเข้าถึงลูกค้าในหลากหลายตลาดทั่วโลก
ในวาระครบรอบ 55 ปีในปี 2568 นี้ บริษัทจึงเตรียมเดินหน้าขับเคลื่อนความสุขของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ “5 New” ประกอบด้วย
1. New R&D ยึดจุดแกร่งของไทยกูลิโกะในการเป็นศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D Center) 1 ใน 3 แห่งของกูลิโกะทั่วโลก เดินหน้าวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่โดยยืนบนพื้นฐานความต้องการของผู้บริโภค (Customer-Based R&D) เพื่อให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละช่วงวัย
2. New Innovation สร้างนวัตกรรมผ่านสินค้าและการทำการตลาด สร้างความแปลกใหม่และสีสันให้ตลาด ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่อีกราว 8-10 รายการในปีนี้ ผ่านสินค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Premium Range และกลุ่ม Thai Taste
3. New Market ขยายฐานลูกค้าจากกลุ่ม B2C สู่การบุกตลาด B2B มากยิ่งขึ้น ด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมอัลมอนด์ โคกะรสชาติต่างๆ ไปยังร้านคาเฟ่และคอฟฟี่เชน ที่มีสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องใช้นมอัลมอนด์เป็นส่วนผสม
รวมถึงพิจารณาออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ พร้อมทั้งจัด Event Marketing ดึงดารา-เซเลบ จัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับคนรุ่นใหม่ ตอกย้ำจุดยืนของบริษัทที่ใส่ใจสุขภาพด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wellness) ของผู้บริโภค
4. New ESG Drive ขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของบริษัทด้วยกิจกรรมใหม่ๆ ด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง อาทิ การติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่โรงงานผลิตหลักของบริษัท คือโรงงานบางกะดี ปริมาณ 2.8 เมกะวัตต์พีก (MWp) ต่อวัน ซึ่งติดตั้งเสร็จสิ้นและเริ่มดำเนินงานเต็มรูปแบบตั้งแต่ ก.พ.ที่ผ่านมา
5. New Partner & Collaboration เดินหน้าจับมือพันธมิตรใหม่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์การบริโภคที่แตกต่าง
ที่ผ่านมา ในปี 2568 บริษัทได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ 5 New ไปแล้วหลายด้าน อาทิ การจับมือ Butterbear ทำสินค้าพรีเมียมที่ระลึก การใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค ทั้งการเพิ่มสารอาหารและลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์ขนม การออกผลิตภัณฑ์ Limited Edition อย่าง Pocky Rose
รวมถึงการจัด Event Marketing อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่วิจัยและพัฒนาเสร็จสิ้นแล้ว เตรียมปล่อยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ Pretz รสแกงเขียวหวานไก่ ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้
“ประเทศไทยถือเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญของเอซากิ กูลิโกะ หรือบริษัทแม่กูลิโกะในญี่ปุ่น ต่อการดำเนินธุรกิจทั่วโลก เราถือเป็นก้าวแรกของบริษัทแม่ในการสร้างธุรกิจระหว่างประเทศ เป็น 1 ใน 3 ประเทศที่มี R&D Center เป็นของตัวเอง รวมถึงเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเพื่อส่งออกที่สำคัญ
เราจึงต้องมีการพัฒนาธุรกิจที่เข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสครบรอบ 55 ปี เราไม่ได้มองแค่ฐานลูกค้าเดิมที่เป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนทำงาน แต่เรามองไปถึงตลาดใหม่ๆ ทั้งกลุ่ม Gen Z, Gen Alpha กลุ่มคนรักสุขภาพ ไปจนถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มองผลิตภัณฑ์ของกูลิโกะที่จำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเป็นของฝากชั้นยอด
เราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ 5 New จะช่วยตอบโจทย์การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมทั้งส่งมอบความสุข สามารถครองใจผู้บริโภคในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจ Health & Wellness อย่างต่อเนื่อง”
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ Overseas ของบริษัท เอซากิ กูลิโกะ (บริษัทแม่กูลิโกะในญี่ปุ่น) ให้ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย 91,000 ล้านเยน หรือเติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2567 ส่วนประเทศไทยตั้งเป้าเติบโต 2 หลัก