ดีลร้อน! เถ้าแก่น้อยคว้าหุ้น "เจ้าสัว" จับตาความร่วมมือยักษ์ขนมขบเคี้ยว

18 เม.ย. 2568 | 06:06 น.
อัปเดตล่าสุด :18 เม.ย. 2568 | 06:26 น.

เถ้าแก่น้อยซุ่ม! ผงาดถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 "เจ้าสัว" 4.38% หวังผนึกกำลังระยะยาว หลังเห็นโอกาสและราคาเหมาะสม ด้าน "เจ้าสัว" ยันโครงสร้างบริหารไม่เปลี่ยนแปลง

ความเคลื่อนไหวล่าสุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อ บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO แจ้งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยปรากฏชื่อ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ด้วยสัดส่วน 4.38%

ทาง "เถ้าแก่น้อย" ได้เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงเบื้องหลังการเข้าซื้อหุ้น CHAO ในครั้งนี้ว่า "มีการพูดคุยเรื่อง Project ร่วมกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว และทาง Saga ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะ exit เลยมาถาม TKN กับ Founders เราเห็นเป็นช่วงเวลากับราคาที่เหมาะสม เลยเข้าไปซื้อ เพื่อแสดงเจตนาว่าต้องการ Long Term Synergy กับทาง CHAO นะครับ"

จากการรายงานของ CHAO ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ ข้อมูลเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 พบว่า เถ้าแก่น้อยฯ ถือหุ้นจำนวน 13,128,100 หุ้น คิดเป็น 4.38% ส่งผลให้ TKN ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 แทน นางวรปราณี โมรินทร์ หนึ่งในสมาชิกตระกูลโมรินทร์ ผู้ก่อตั้งและทีมบริหารของเจ้าสัวฯ ซึ่งถือหุ้น 3.62%

ขณะเดียวกัน ยังมีการเปลี่ยนแปลงในผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 โดย LGT BANK (SINGAPORE) LTD เข้ามาถือหุ้นแทน Morina Group Limited ด้วยสัดส่วน 5.33% ทั้งนี้ Morina Group Limited เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายหมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น โดยมี นายธนภัทร โมรินทร์ ถือหุ้น 100%

ดีลร้อน! เถ้าแก่น้อยคว้าหุ้น "เจ้าสัว" จับตาความร่วมมือยักษ์ขนมขบเคี้ยว

อย่างไรก็ตาม CHAO ได้ออกมายืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจการควบคุม โครงสร้างคณะกรรมการและผู้บริหาร ตลอดจนนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใด

ราคาหุ้น CHAO พุ่งแรงกว่า 22% หลังข่าว

ภายหลังการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ราคาหุ้นของ CHAO ในวันนี้ (17 เมษายน 2568) ณ เวลา 10.31 น. ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น โดยอยู่ที่ระดับ 5.65 บาท เพิ่มขึ้น 1.05 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 22.83% มีมูลค่าซื้อขายภาคเช้ารวม 19.73 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้นของ TKN อยู่ที่ระดับ 7.50 บาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.05 บาท หรือ 0.67% มีมูลค่าซื้อขาย 2.45 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการของเจ้าสัวฯ ในปี 2566 มีรายได้ 1,403 ล้านบาท และกำไร 161.61 ล้านบาท ส่วนในปี 2567 มีรายได้ 1,557 ล้านบาท และกำไร 133.43 ล้านบาท

การเข้ามาถือหุ้นใหญ่ของเถ้าแก่น้อยใน "เจ้าสัว" ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่ความร่วมมือและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต