“กลุ่มพูลผล” ขับเคลื่อน 4 ธุรกิจหลัก สยายปีกใน-ต่างประเทศ

นายดนัยธนิต พิศาลบุตร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มพูลผล เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มพูลผลในปี 2568 มุ่งเน้นใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจการเกษตร เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจเรือธง ที่มีกระบวนการต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรและอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืน

โดยมีแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ น้ำมันพืชกุ๊ก โดยบริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ทั้งน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน และน้ำมันคาโนลา ซึ่งปัจจุบันมีตลาดส่งออกไปมากกว่า 15 ประเทศในเอเชีย รวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

นอกจากนี้ยังมีวุ้นเส้นต้นสน วุ้นเส้นที่ผลิตจากแป้งถั่วเขียว 100% ปัจจุบันขยายการส่งออกไปยัง ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มซอสและเครื่องปรุง “น้ำจิ้มสุกี้” และ “ซอสผัดไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งใน Soft Power สำคัญที่ช่วยผลักดันอาหารไทยให้เติบโตในเวทีโลก ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

รวมถึง “เอสเอ็มเอส กรุ๊ป” ผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Tapioca Starch) มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อยอดผลิตผลการเกษตรของไทยสู่ตลาดโลกด้วยนวัตกรรมและคุณภาพ โดยมีการส่งออกแป้งมันสำปะหลังดัดแปรงคุณภาพสูงกว่า 70 ประเทศทั่วโลก จุดเด่นของแป้งมันสำปะหลังดัดแปรคือ สามารถตอบสนองความต้องการได้หลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร, อุตสาหกรรมยา, อุตสาหกรรมพลาสติกย่อยสลายได้ เป็นต้น

2. ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ภายใต้บริษัท ซี.อี.เอส. จำกัด บริการรับเหมาก่อสร้างงานอาคารทุกประเภท ร่วมสร้างและพัฒนาโครงการและแลนด์มาร์คสำคัญของไทย ประเภทอาคารสำนักงานชั้นนำ โรงแรมระดับอัลตร้าลักชัวรี่ โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้าชั้นนำ ศูนย์ประชุมงานนิทรรศการ

ไปจนถึงโกดังคลังสินค้าที่รองรับระบบ ASRS หรือ การจัดเก็บเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ โดยปีนี้มีแผนยุทธศาสตร์ในการรุกตลาด (New Growth Potential) ด้วยการขยายธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรม พร้อมตั้งเป้ารายได้ 4,000 ล้านบาทภายในปี 2570

3. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ชื่อ “Future City Rangsit” บนที่ดินกว่า 600 ไร่ มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ที่ครบครันในย่านรังสิต-ปทุมธานี ประกอบด้วย ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์, โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, โรงพยาบาล, ร้านอาหารชั้นนำ, ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร และสปอร์ตคอมเพล็กซ์

นอกจากนี้ยังมีฝั่งโซนตลาดสดวิถีไทย หรือ “ตลาดรังสิต” ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ใจกลางรังสิต ที่มีแผงค้าให้จับจ่ายใช้สอยมากถึง 2,200 แผง พร้อมด้วยที่พักอาศัยมากกว่า 700 ยูนิต, Rangsit Hub ท่ารถตู้โดยสารและการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอย่างครบวงจร ถือว่าเป็นการลงทุนศักยภาพสูงสุดหนึ่งเดียวในโซนกรุงเทพตอนเหนือ ที่ผ่านการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 4 ปี เกิดความก้าวหน้าเกิน 80% ที่พร้อมไปด้วยโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของผู้คน

5. ธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์ โดยบริษัท พูลพิพัฒน์ จำกัด ให้บริการท่าเรือและคลังสินค้า ในทำเลยุทธศาสตร์ รวม 7 สาขาทั่วประเทศ ที่พร้อมขยายเครือข่าย ซึ่งล่าสุดลงทุนเปิดคลังสินค้าใหม่ แหลมฉบัง 1 - 2 เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ที่สอดรับกับเม็ดเงินการลงทุนของคู่ค้าธุรกิจสำคัญ อย่างเช่น สิงค์โปร์, จีน, ฮ่องกง, ใต้หวัน และญี่ปุ่น ที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง

“กลุ่มพูลผล ดำเนินธุรกิจมากว่า 83 ปี ครอบคลุมทั้งในธุรกิจการเกษตร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีรายได้รวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทยังเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการ เพื่อขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง

ทั้งนี้กลุ่มพูลผลพร้อมเดินหน้าองค์กรเพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้ สอดรับนโยบายภาครัฐ ภาคสังคม ผู้บริโภค และแนวคิดความยั่งยืน (Sustainability) เน้นส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการบริหารองค์กรเพื่อมุ่งสู่ระดับสากล ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้กลุ่มพูลผลเติบโตได้อย่างดีตลอด 5 ปีที่ผ่านมา”

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,090 วันที่ 24 - 26 เมษายน พ.ศ. 2568