"เซ็นทรัลพัฒนา" ชู 3 Magnet เจาะตลาดจีนผ่าน WeChat Mini Program

08 ก.พ. 2567 | 04:20 น.

"เซ็นทรัลพัฒนา" ชู 3 Magnet ผนึกกำลัง "WeChat Pay" และ "Linkiebuy" เจาะตลาดจีนด้วย WeChat Mini Program พร้อมจับมือเกาหลีใต้ทำ Cross Membership และเตรียมเปิด Klook Lounge บริการนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องทั้งปี

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนาชู 3 Magnet ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 1. Global Partnerships strengthens เสริมแกร่งพันธมิตรระดับโลก โดยร่วมมือกับ WeChat Pay และ Linkiebuy ขยายช่องทางการขายสินค้าแบรนด์ในเครือเซ็นทรัล ที่นักช้อปชาวจีนชื่นชอบอย่าง GoodGoods, Comma And, และ Hug Craft เจาะตลาดจีน บนดิจิทัลแพลตฟอร์มด้วย WeChat Mini Program โดย Mini Program จะซ้อนอยู่บน WeChat สามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นบนแพลตฟอร์ม WeChat ได้อย่างเต็มที่ ใส่ฟีเจอร์ได้หลากหลาย ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตน รวมถึงสามารถทำธุรกรรมผ่าน Mini Program ได้ทันทีผ่าน WeChat Pay 

\"เซ็นทรัลพัฒนา\" ชู 3 Magnet เจาะตลาดจีนผ่าน WeChat Mini Program

ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) ของ WeChat มี 1.36 พันล้านคน WeChat Pay ราว 1 พันล้าน Transaction ต่อวัน และ Mini Program ประมาณ 1.1 พันล้านคน ฉะนั้น นักช้อปชาวจีนจะเข้าถึงแบรนด์ในเครือเซ็นทรัลได้อย่างสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยบริการสั่งซื้อสินค้าแบบ Online to Offline (O2O) บนแพลตฟอร์ม WeChat Mini Program สามารถชำระเงินพร้อมรับส่วนลดและสิทธิพิเศษผ่าน WeChat Pay ได้ทันที ก่อนจะเดินทางมารับสินค้าจริงที่ประเทศไทย อีกทั้งยังได้บริษัท LinkieBuy ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่อง Social Commerce มาดูแลหลังบ้านให้บนแพลตฟอร์มดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ ยังเตรียมโปรโมชันพิเศษและสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายไว้ให้กับลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะในปี 2024 นี้ คาดว่าจะสามารถให้บริการแบบครบ Loop มากยิ่งขึ้น เช่น การส่งสินค้าไปถึงมือลูกค้าชาวจีนที่อยู่ในประเทศจีนได้โดยตรง

พร้อมกันนี้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล ภูเก็ต ก็จับมือกับ Lotte Duty Free ประเทศเกาหลี ทำ Cross Membership ร่วมกับ The 1 มอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งในปี 2567 นี้ ลูกค้าล็อตเต้สามารถรับสิทธิพิเศษเมื่อเดินทางมาประเทศไทยที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต 2 ทัวร์ริสต์มอลที่เป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวเกาหลี ในขณะที่ลูกค้าสมาชิก The 1 และ The 1 Exclusive สามารถกดรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้บน The 1 แอปพลิเคชัน และแลกรับสิทธิ์พร้อมกับใช้บริการได้ที่ล็อตเต้ ดิวตี้ ฟรี 4 สาขาหลักในเกาหลีใต้ ได้แก่ สาขาเมียงดง, เวิลด์ทาวเวอร์, ปูซาน, และ เซจู

\"เซ็นทรัลพัฒนา\" ชู 3 Magnet เจาะตลาดจีนผ่าน WeChat Mini Program

2. The 1st Tourist Hub Destination in Southeast Asia ฮับของนักท่องเที่ยว แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วย Klook แพลตฟอร์มท่องเที่ยวชั้นนำสัญชาติฮ่องกงร่วมกับเซ็นทรัลพัฒนา ยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวให้ครบทุกมิติ เปิดให้บริการ “คลูก เลานจ์ (Klook Lounge)” พื้นที่ให้บริการด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจรสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ โซนฮักไทย ชั้น 1 ซึ่งเปิดให้บริการแล้ววันนี้ 

ทั้งนี้ ยังร่วมกันพัฒนาไอศกรีมรสชาติสูตรพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อน “yOur wOrld Of jOy” สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ของทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ และ Klook โดยได้แบรนด์ไอศกรีมชื่อดังสัญชาติไทย “Guss Damn Good” มาร่วมรังสรรค์ไอศกรีมรสชาติสุดพิเศษ นอกจากนี้ ยังมีจุดให้บริการ Shuttle Service ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล วิลเลจ ซึ่งเป็นทั้งจุดนัดพบ และจุด Drop Off ทริปในกรุงเทพฯ สำหรับลูกค้าที่ซื้อแพ็กเกจออนไลน์ผ่าน Travel Platform ต่างๆ รวมถึงกลุ่มกรุ๊ปทัวร์อีกด้วย 

3. Global Magnet & Tenant Local Products สำหรับเซ็นทรัลเวิลด์ ถือเป็นศูนย์การค้าระดับ World Class ที่พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกครั้งที่มาเยือน โดยมีแบรนด์ดังหลากหลายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว อาทิ 1) Flagship store: Apple Store, Uniqlo, Adidas 2) One & Only in Thailand: Lululemon, Cheesecake Factory, Canton Paradise, Tai Er 3) ร้านอาหารระดับ Michelin อย่าง ปังชา, บ้านเบญจรงค์ ปาย, Tsuta Ramen พร้อมโซน Hug Thai ที่ปรับปรุงขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ บริเวณชั้น 1 ประกอบไปด้วย 

Hug Thai Food court: Local Hero – Street Foods, Hug Craft: Thai Souvenir, Good Goods และ จริงใจมาร์เก็ต: สินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นคุณภาพแบบร่วมสมัย นอกจากนี้ ศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลพัฒนา ยังเป็นศูนย์กลางของการจัดเทศกาลต่างๆ ทั้งระดับจังหวัด และระดับโลกอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เซ็นทรัลพัฒนายังได้เสริมแกร่งมาตรการความปลอดภัยโดยเฉพาะใน Tourists Malls 15 สาขาทั่วประเทศ คือ เซ็นทรัลเวิลด์, วิลเลจ, ภูเก็ต, พระราม9, พัทยา, มารีนา, จันทบุรี, อยุธยา, ศรีราชา, เชียงใหม่, เชียงใหม่ แอร์ พอร์ต, เชียงราย, อุดรธานี, สมุย และ หาดใหญ่ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ

  1. ด้านบุคลากร: เพิ่มเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ที่ผ่านการอบรมซ้อมแผนเผชิญเหตุจากสถาบันชั้นนำ, จัดวางกำลังพนักงานรปภ., เพิ่มทีมเจ้าหน้าที่ First Responder Team และ Fire Fighter 
  2. ด้านอุปกรณ์-เครื่องมือ: ติดกล้อง CCTV x 4,000 ตัว ที่ Tourist malls 15 สาขาทั่วประเทศ, เพิ่ม QR Smart Help กว่า 2,500 จุด, Call Point Service 900 จุด, ติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจ (AED) และอุปกรณ์แจ้งเหตุ-เตือนภัยประจำอาคาร 
  3. ด้านการบริหารจัดการแผนเผชิญเหตุ โดยผนึกภาครัฐและเอกชนสร้างเครื่อข่ายความปลอดภัยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ, หน่วยงานข่าวและความมั่นคง, ผู้ประกอบการร้านค้า โดยเซ็นทรัล ภูเก็ต ร่วมมือกับตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และสถานกงศุล เพื่อดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยว

\"เซ็นทรัลพัฒนา\" ชู 3 Magnet เจาะตลาดจีนผ่าน WeChat Mini Program

ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยเกิน 3 ล้านคนแล้ว สร้างรายได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 5.1 แสนคน, มาเลเซีย 3.2  แสนคน, เกาหลีใต้ 2.2, รัสเซีย 2.2 แสนคน, แสนคน และอินเดีย 1.6 แสนคน ซึ่งเซ็นทรัลพัฒนามีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ด้วยศูนย์การค้าในเครือมากถึง 40 สาขา มีศูนย์การค้าให้บริการอยู่ในจังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทยถึง 15 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย ตั้งแต่ภาคกลางและภาคตะวันออก อาทิ กรุงเทพมหานครฯ, อยุธยา, ชลบุรี, จันทบุรี, ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย, ภาคอีสาน ได้แก่ อุดรธานี, ภาคใต้ ได้แก่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ไปจนถึงเกาะสมุย 

"กลยุทธ์ที่เรากำลังทำ จะเป็นการต่อยอดการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบ Online to Offline อย่างครบทุกมิติ เรามุ่งมั่นที่จะสร้าง Mega Magnet เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เข้ามาเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้คึกคักตลอดทั้งปี”