เจโทร ผุดแคมเปญ HOTATE Festival ส่ง “หอยเชลล์โฮตาเตะ” ตีตลาดไทย

02 ธ.ค. 2566 | 06:50 น.

เจโทร เดินหน้าขยายตลาดส่งออกหอยเชลล์โอตาเตะในเมืองไทย ผุดแคมเปญ HOTATE Festival กระตุ้นนักชิม พร้อมสยายปีกเจาะเชนร้านอาหารทั่วประเทศ

ปัจจุบันสินค้าอาหารวัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่น 5 อันดับแรกที่ส่งออกมาไทย คือ 1. เนื้อวัววากิว (ที่ถูกเลี้ยงตามกรรมวิธีของญี่ปุ่น) 2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3.ผลไม้ 4.เครื่องปรุงรส และ5. ไข่ปลาอิคุระ ล่าสุด “เจโทร” เตรียมส่งออกหอยเชลล์โฮตาเตะ (Hotatae) หนึ่งในสินค้าวัตถุดิบอาหารทะเลสำคัญมาตีตลาดเมืองไทยให้มากขึ้น

นายโระ จุน ประธาน องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ประเทศญี่ปุ่นมีแผนขยายการส่งออกสินค้าวัตถุดิบอาหารผ่านการบริโภคในตลาดกลุ่มใหม่ของประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น โดยหอยเชลล์โฮตาเตะ (Hotatae) เป็นหนึ่งในสินค้าวัตถุดิบอาหารทะเลสำคัญของตลาดส่งออก

เจโทร ผุดแคมเปญ HOTATE Festival ส่ง “หอยเชลล์โฮตาเตะ” ตีตลาดไทย

โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา หอยเชลล์โฮตาเตะ มีปริมาณการส่งออกมายังประเทศไทยเป็นมูลค่ากว่า 1,200 ล้านเยน (ประมาณ 288 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสินค้าอาหารที่มีมูลค่าการส่งออกมาประเทศไทยอันดับที่ 9 เติบโต20% ในปี2565

จากรายได้ส่งออกในต่างประเทศทั้งหมด มูลค่ารวมประมาณ 3,873 ล้านบาท โดยส่งออกในประเทศจีน ราว 836 ล้านบาท ฮ่องกง 498 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 539 ล้านบาท เวียดนาม 216 ล้านบาท ไทย 235 ล้านบาท และในประเทศอื่นรวมกันราว 1,236 ล้านบาท

ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคหอยเชลล์พรีเมียมโฮตาเตะ ในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยในวงกว้างมากขึ้น เจโทร กรุงเทพฯ จึงได้จัดแคมเปญ HOTATE Festival เทศกาลหอยโฮตาเตะส่งตรงจากญี่ปุ่น ตั้งแต่วันนี้ – 29 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อทำตลาดหอยเชลล์พรีเมียมโฮตาเตะในไทย ด้วยการขยายในต่างจังหวัด ส่งเสริมการนำไปใช้ในเมนูอาหารอื่นๆ นอกเหนือจากอาหารญี่ปุ่น เช่น อาหารไทย และอาหารอิตาเลียน

โระ จุน ประธาน องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ

โดยร่วมมือกับร้านอาหาร จำนวน 65 แบรนด์ 261 ร้าน และร้านค้าปลีกในประเทศไทย 5 แบรนด์ 29 ร้าน จัดแคมเปญฯ ประชาสัมพันธ์หอยเชลล์โฮตาเตะในร้าน โดยปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจจำนวนมากยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะทำให้ HOTATE Festival เป็นโครงการสนับสนุนการส่งออกวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นที่จัดทำโดยเจโทรที่มีจำนวนร้านค้าเข้าร่วมโครงการมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

“กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ เชนร้านอาหาร (รวมร้านอาหารญี่ปุ่น) หรือร้านค้าปลีกที่มีสาขาครอบคลุมนอกพื้นที่กรุงเทพมหานคร เชนร้านอาหารไทย อาหารอิตาเลียน และอาหารจีน โดยเน้นนำเสนอคุณภาพและเสน่ห์ของหอยเชลล์โฮตาเตะจากประเทศญี่ปุ่นให้กับลูกค้า พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ กิจกรรมประชาสัมพันธ์เมนูจากหอยเชลล์โฮตาเตะ, การประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์บนโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ค หรืออินฟลูเอนเซอร์ และอื่นๆ”

นอกจากนี้ยังจัดงานอีเว้นท์ประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นการบริโภคหอยเชลล์โฮตาเตะ โดยวางแผนจะจัดงานอีเว้นท์ในร้านค้าต่างๆ เช่น ร้านค้าปลีก ซึ่งนอกจากสร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไปแล้ว ยังมีการเชิญผู้ที่มีส่วนสำคัญในการนำวัตถุดิบหรือสินค้าหอยเชลล์โฮตาเตะพรีเมียมจากญี่ปุ่นไปใช้ในเชิงพาณิชย์ในอนาคตเข้าร่วมด้วย อาทิ ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ทั้งร้านอาหาร และร้านค้าปลีก, เชฟ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการผลักดันให้เกิดการซื้อขายสินค้าในอนาคต

เจโทร ผุดแคมเปญ HOTATE Festival ส่ง “หอยเชลล์โฮตาเตะ” ตีตลาดไทย

ประธาน เจโทร ยังกล่าวอีกว่า วันนี้มีการนำหอยเชลล์โฮตาเตะญี่ปุ่นไปเป็นวัตถุดิบหลักของการแข่งขันทำอาหารในรายการ  เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย เพื่อประชาสัมพันธ์แคมเปญนี้ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยเจโทร กรุงเทพฯ ได้ร่วมสนับสนุนการแข่งขัน โดยนำหอยเชลล์โฮตาเตะพรีเมียมจากญี่ปุ่นไปเป็นวัตถุดิบหลักในการรังสรรค์เมนูอันหลากหลาย ทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารอิตาเลียน และอาหารไทย

สำหรับโฮตาเตะ เป็นหอยเชลล์สัญชาติญี่ปุ่นชื่อดังที่ขึ้นชื่อด้านคุณภาพดี ด้วยมีขนาดใหญ่ รสชาติหวานอร่อย จนได้รับฉายาว่าราชาแห่งหอย ถือเป็นอาหารทะเลที่อุดมไปด้วยสารอาหาร มีโปรตีนสูงและแคลอรีต่ำ พร้อมคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพมากเป็นอันดับต้นๆ

เจโทร ผุดแคมเปญ HOTATE Festival ส่ง “หอยเชลล์โฮตาเตะ” ตีตลาดไทย

โดยหอยเชลล์โฮตาเตะในประเทศญี่ปุ่นจะเป็นการเพาะเลี้ยงตามธรรมชาติที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ในบริเวณที่มีน้ำสะอาดและอุณหภูมิต่ำเท่านั้น รวมถึงใช้นวัตกรรมการแปรรูปและแช่แข็งอย่างรวดเร็วทันทีหลังจับหอยเชลล์โฮตาเตะ เพื่อเก็บกักความสดใหม่สูงสุดจากทะเลสู่ตลาดอย่างเต็มรูปแบบ คงไว้ซึ่งคุณภาพสูงสุดและความอร่อยที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะส่งออกไปยังต่างประเทศ

ในปัจจุบันมีแหล่งเพาะเลี้ยงที่สำคัญ ได้แก่ ฮอกไกโด (Hokkaido), อาโอโมริ (Aomori), อิวาเตะ (Iwate) และมิยากิ (Miyagi) นอกจากนี้ยังมีการรีไซเคิลแปรรูปเปลือกหอยนำไปทำถนนยางมะตอย วัสดุก่อสร้าง ผงซักฟอก และปุ๋ย เป็นต้น เพื่อให้กระทบระบบนิเวศทางธรรมชาติน้อยที่สุด และนำทรัพยากรไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย