เมโลดี้พลัส (MelodyPlus) โรงเรียนสอนดนตรีรูปแบบใหม่ทันสมัย ที่ยืนหยัดมาถึง 19 ปี ผลิตลูกศิษย์ออกไปเฉิดฉายและโชว์ความสามารถทางดนตรีและศิลปะมากกว่า 20,000 คน จนวันนี้เปิดให้บริการ 5 สาขา ฟันฝ่าวิกฤตมากมาย ขณะที่หลายรายต้องลาจาก อะไรคือคีย์ซัคเซส ที่หลายธุรกิจน่าเอาเป็นแบบอย่าง
“ครูฟ้า-นันทรัตน์ โมนฤมิตร” ผู้อำนวยการและกรรมการผู้บริหาร โรงเรียนดนตรีเมโลดี้พลัส เล่าให้ฟังว่า การเดินทางตลอด 18 ปีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้ยาวนาน แม้จะต้องเผชิญวิกฤตรอบใหญ่ เช่น โควิด-19 แต่กลับยิ่งทำให้ธุรกิจมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ คือ นอกจากความเชี่ยวชาญแล้ว ยังต้องมีใจรัก และทุ่มเท ไม่หยุดพัฒนาการเรียนการสอน และยึดประโยชน์สูงสุดของผู้เรียนเป็นสำคัญ รวมทั้งการทำงานแบบทีมเวิร์ค
“การเผชิญกับวิกฤต ทำให้เมโลดี้พลัสต้องก้าวย่างอย่างมั่นคง การวางแผนจะเพิ่มสาขา ก็เลือกศูนย์การค้าที่ค่าเช่าไม่สูงจนเกินไป เพื่อจะได้นำเงินลงทุนมาพัฒนาด้านวิชาการให้กับนักเรียนมากกว่า รวมทั้งจะเพิ่มวิชาสอนให้ทันโลก เช่น พัฒนาหลักสูตร “Music for Wellness” ให้สมบูรณ์แบบขึ้น พร้อมขยายหลักสูตรให้ครอบคลุมทักษะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับดนตรี ครอบครัว และการพัฒนาของเด็กๆ”
“ครูฟ้า” ย้อนรอยให้ฟังว่า เมโลดี้พลัส เป็นโรงเรียนสอนดนตรีรูปแบบทันสมัย หลักสูตรการเรียนการสอนเข้มข้น มีความเชี่ยวชาญในการสอนดนตรีทั้งไทยและสากล บัลเลย์ Cover dance และศิลปะ ด้วยมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา โดยได้นำหลักสูตร Alfred (อัลเฟรด) จากประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้ในการถ่ายทอดให้นักเรียน
ถือเป็นหลักสูตรที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในสหรัฐอเมริกา และในภูมิภาคเอเชีย และหลักสูตรของโรงเรียนยังได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการในด้านความรู้ เทคนิค และทักษะด้านดนตรีที่มีคุณภาพ รวมทั้งได้รับ Trinity Awards มากที่สุดในประเทศอย่างต่อเนื่องทุกปี
สิ่งที่ “เมโลดี้พลัส” ให้ความสำคัญคือ การคัดสรรครูที่มีความสามารถสูง มีเทคนิคการสอนที่ดีให้ผลลัพธ์ในระยะเวลาสั้น โดยมีครูมากกว่า 140 คน ที่ได้รับการอบรมอยู่เสมอ และยังเป็นโรงเรียนสอนดนตรีแห่งเดียวที่มีการวัด KPI ในการประเมินครู 5 ระดับเป็นประจำทุกปี ซึ่งนอกจากจะช่วยการันตีมาตรฐานการสอนของครูแล้ว ยังส่งผลดีต่อการจัดการสอนให้เหมาะกับเด็กแต่ละคนอีกด้วย
รวมทั้งยังโฟกัสที่การบริหารจัดการคน (Team management) ซึ่งไม่ได้พิจารณาแค่ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ต้องมี Passion ในด้านการสอน มีการแชร์ประสบการณ์สอนระหว่างครูด้วยกัน เพื่อให้เด็กๆ ได้รับสิ่งที่ดีและเหมาะสมกับเด็กแต่ละคนอย่างแท้จริง
“ครูคือบุคคลสำคัญ คือคนที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เก็บเกี่ยวและเพิ่มพูนประสบการณ์ทางดนตรี พร้อมแนะนำว่าเด็กควรเรียนอะไร ปรับปรุงตรงไหน เป็นตัวกลางที่จะสื่อสารระหว่างผู้ปกครองและเด็ก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตรงกัน”
ดังนั้น Melody Plus เน้นความสามารถในการสื่อสารที่ดีของครูอย่างมาก โดยมองถึงการวางแผนการสอน มีความรู้ที่ทันสมัย ทันโลก และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน เพื่อทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากที่สุด
อีกสิ่งที่ “เมโลดี้พลัส” ให้ความสำคัญคือ การใส่ใจทุกความแตกต่างของผู้เรียน โดยมีเวทีการแสดงให้กับนักเรียนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่มีความมั่นใจ หรือไม่กล้าแสดงออกเลยก็ตาม ซึ่งเด็กทุกคนที่มาเรียนจะได้รับใบ Certificate ที่เป็นมาตราฐานสากลเพื่อนำไปต่อยอดได้
ครูฟ้า บอกอีกว่า ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะอย่างหนึ่งที่เด็กในศตวรรษที่ 21 จำเป็นต้องมี คือทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะการเป็นผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) จึงเป็นแนวคิดหลัก และนำมาสู่การจัดงาน M Fest 3 ซึ่งนักเรียนแต่ละคนมาจากความแตกต่างหลากหลาย บางคนอยู่กรุงเทพฯ บางคนมาจากต่างจังหวัด ซึ่งไม่เคยรู้จักหรือเรียนด้วยกันมาก่อน
แต่มาสร้างผลงานเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การรวมวง โดยใช้ทักษะการทำงานเป็นทีมเวิร์ค การทำงานร่วมกับผู้อื่น การเสียสละ ได้เรียนรู้ในการฝึกความเป็นผู้นำ และได้รับแรงบันดาลใจผ่านการใกล้ชิดกับศิลปินชื่อดังซึ่งระหว่างการเตรียมตัวฝึกและฟอร์มวงถึง 6 เดือน เพื่อขึ้นโชว์ในงานพบว่า เด็กๆ มีพัฒนาการและทักษะทางด้านดนตรีมากขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกสัปดาห์
“เด็กทุกคน มีแสงสว่างในตัวเอง ในงาน M Fest3 เป็นเวทีแสดงความสามารถของน้องๆ จากสถาบันดนตรีเมโลดี้พลัส ที่มาพร้อมแนวคิด M-Fest Music is power ดนตรีมีพลัง ซึ่งจะช่วยส่องประกายแสงสว่างทุกดวงที่ได้มารวมตัวกันภายใต้การทำงานเป็นทีมเวิร์ค เพื่อส่งมอบพลัง ความสนุก ความสุข ของพวกเขาไปยังคุณพ่อคุณแม่และผู้เข้าชมงานทุกท่าน ให้ได้ชื่นชมในความสามารถของพวกเขานั่นเอง”