คีย์ซัคเซส “เมโลดี้พลัส” 19 ปี บนถนนสายดนตรี-ศิลปะ

03 ก.ค. 2566 | 10:43 น.

เปิดเส้นทางความสำเร็จ โรงเรียนสอนดนตรี “เมโลดี้พลัส” 19 ปี ผลิตคนดนตรี-ศิลปะ-บันเทิง ฉายแสงมากกว่า 2 หมื่นคน

เมโลดี้พลัส (MelodyPlus) โรงเรียนสอนดนตรีรูปแบบใหม่ทันสมัย ที่ยืนหยัดมาถึง 19 ปี ผลิตลูกศิษย์ออกไปเฉิดฉายและโชว์ความสามารถทางดนตรีและศิลปะมากกว่า 20,000 คน จนวันนี้เปิดให้บริการ 5 สาขา ฟันฝ่าวิกฤตมากมาย ขณะที่หลายรายต้องลาจาก อะไรคือคีย์ซัคเซส ที่หลายธุรกิจน่าเอาเป็นแบบอย่าง

“ครูฟ้า-นันทรัตน์ โมนฤมิตร” ผู้อำนวยการและกรรมการผู้บริหาร โรงเรียนดนตรีเมโลดี้พลัส  เล่าให้ฟังว่า การเดินทางตลอด 18 ปีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้ยาวนาน แม้จะต้องเผชิญวิกฤตรอบใหญ่ เช่น โควิด-19 แต่กลับยิ่งทำให้ธุรกิจมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ คือ นอกจากความเชี่ยวชาญแล้ว ยังต้องมีใจรัก และทุ่มเท ไม่หยุดพัฒนาการเรียนการสอน และยึดประโยชน์สูงสุดของผู้เรียนเป็นสำคัญ รวมทั้งการทำงานแบบทีมเวิร์ค

นันทรัตน์ โมนฤมิตร

“การเผชิญกับวิกฤต ทำให้เมโลดี้พลัสต้องก้าวย่างอย่างมั่นคง การวางแผนจะเพิ่มสาขา ก็เลือกศูนย์การค้าที่ค่าเช่าไม่สูงจนเกินไป เพื่อจะได้นำเงินลงทุนมาพัฒนาด้านวิชาการให้กับนักเรียนมากกว่า รวมทั้งจะเพิ่มวิชาสอนให้ทันโลก เช่น พัฒนาหลักสูตร “Music for Wellness”  ให้สมบูรณ์แบบขึ้น พร้อมขยายหลักสูตรให้ครอบคลุมทักษะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับดนตรี ครอบครัว และการพัฒนาของเด็กๆ”   

“ครูฟ้า” ย้อนรอยให้ฟังว่า เมโลดี้พลัส เป็นโรงเรียนสอนดนตรีรูปแบบทันสมัย หลักสูตรการเรียนการสอนเข้มข้น มีความเชี่ยวชาญในการสอนดนตรีทั้งไทยและสากล บัลเลย์ Cover dance และศิลปะ ด้วยมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา โดยได้นำหลักสูตร Alfred (อัลเฟรด) จากประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้ในการถ่ายทอดให้นักเรียน

ถือเป็นหลักสูตรที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในสหรัฐอเมริกา และในภูมิภาคเอเชีย และหลักสูตรของโรงเรียนยังได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการในด้านความรู้ เทคนิค และทักษะด้านดนตรีที่มีคุณภาพ รวมทั้งได้รับ Trinity Awards มากที่สุดในประเทศอย่างต่อเนื่องทุกปี 

คีย์ซัคเซส “เมโลดี้พลัส” 19 ปี บนถนนสายดนตรี-ศิลปะ

สิ่งที่ “เมโลดี้พลัส” ให้ความสำคัญคือ การคัดสรรครูที่มีความสามารถสูง มีเทคนิคการสอนที่ดีให้ผลลัพธ์ในระยะเวลาสั้น โดยมีครูมากกว่า 140 คน ที่ได้รับการอบรมอยู่เสมอ และยังเป็นโรงเรียนสอนดนตรีแห่งเดียวที่มีการวัด KPI ในการประเมินครู 5 ระดับเป็นประจำทุกปี ซึ่งนอกจากจะช่วยการันตีมาตรฐานการสอนของครูแล้ว ยังส่งผลดีต่อการจัดการสอนให้เหมาะกับเด็กแต่ละคนอีกด้วย

รวมทั้งยังโฟกัสที่การบริหารจัดการคน (Team management) ซึ่งไม่ได้พิจารณาแค่ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ต้องมี Passion ในด้านการสอน มีการแชร์ประสบการณ์สอนระหว่างครูด้วยกัน เพื่อให้เด็กๆ ได้รับสิ่งที่ดีและเหมาะสมกับเด็กแต่ละคนอย่างแท้จริง

“ครูคือบุคคลสำคัญ คือคนที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เก็บเกี่ยวและเพิ่มพูนประสบการณ์ทางดนตรี พร้อมแนะนำว่าเด็กควรเรียนอะไร ปรับปรุงตรงไหน เป็นตัวกลางที่จะสื่อสารระหว่างผู้ปกครองและเด็ก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตรงกัน”

ดังนั้น Melody Plus เน้นความสามารถในการสื่อสารที่ดีของครูอย่างมาก โดยมองถึงการวางแผนการสอน มีความรู้ที่ทันสมัย ทันโลก และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน เพื่อทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากที่สุด

คีย์ซัคเซส “เมโลดี้พลัส” 19 ปี บนถนนสายดนตรี-ศิลปะ

อีกสิ่งที่ “เมโลดี้พลัส” ให้ความสำคัญคือ การใส่ใจทุกความแตกต่างของผู้เรียน โดยมีเวทีการแสดงให้กับนักเรียนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่มีความมั่นใจ หรือไม่กล้าแสดงออกเลยก็ตาม ซึ่งเด็กทุกคนที่มาเรียนจะได้รับใบ Certificate ที่เป็นมาตราฐานสากลเพื่อนำไปต่อยอดได้

ครูฟ้า บอกอีกว่า ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะอย่างหนึ่งที่เด็กในศตวรรษที่ 21 จำเป็นต้องมี คือทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะการเป็นผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) จึงเป็นแนวคิดหลัก และนำมาสู่การจัดงาน M Fest 3 ซึ่งนักเรียนแต่ละคนมาจากความแตกต่างหลากหลาย บางคนอยู่กรุงเทพฯ บางคนมาจากต่างจังหวัด ซึ่งไม่เคยรู้จักหรือเรียนด้วยกันมาก่อน

แต่มาสร้างผลงานเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การรวมวง โดยใช้ทักษะการทำงานเป็นทีมเวิร์ค การทำงานร่วมกับผู้อื่น การเสียสละ ได้เรียนรู้ในการฝึกความเป็นผู้นำ และได้รับแรงบันดาลใจผ่านการใกล้ชิดกับศิลปินชื่อดังซึ่งระหว่างการเตรียมตัวฝึกและฟอร์มวงถึง 6 เดือน เพื่อขึ้นโชว์ในงานพบว่า เด็กๆ มีพัฒนาการและทักษะทางด้านดนตรีมากขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกสัปดาห์

“เด็กทุกคน มีแสงสว่างในตัวเอง ในงาน M Fest3 เป็นเวทีแสดงความสามารถของน้องๆ จากสถาบันดนตรีเมโลดี้พลัส ที่มาพร้อมแนวคิด M-Fest Music is power ดนตรีมีพลัง  ซึ่งจะช่วยส่องประกายแสงสว่างทุกดวงที่ได้มารวมตัวกันภายใต้การทำงานเป็นทีมเวิร์ค เพื่อส่งมอบพลัง ความสนุก ความสุข ของพวกเขาไปยังคุณพ่อคุณแม่และผู้เข้าชมงานทุกท่าน ให้ได้ชื่นชมในความสามารถของพวกเขานั่นเอง”