บิ๊กมูฟ SAPPE จากผู้นำเครื่องดื่มสู่ตลาดอาหารเสริมสมุนไพรจีนวัยเก๋า

30 พ.ค. 2566 | 21:38 น.

เซ็ปเป้ หรือ SAPPE จับมือมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ดึงศาสตร์แพทย์แผนจีน ปลุกปั้น อาหารเสริม “อินหยาง ” สูตรสดชื่น และสูตรใจสงบ จากสมุนไพรจีน จับทางสูงวัยรับดีมานด์สังคมสูงวัย

หลังจากปักหมุดเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องดื่มมาอย่างยาวนาน ในระยะ 2-3 ให้ปีหลัง “เซ็ปเป้” ภายใต้การนำของ “ปิยจิต รักอริยะพงศ์” นับว่ามีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจโดนเฉพาะการส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่อยู่นอกพอร์ตเครื่องดื่มที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของกลุ่มออกมาหลายโพรดักซ์ ทั้งลูกอมครูเพญศรี,เซ็ปเป้ x ตะขาบและอื่นๆมาสร้างความคึกในหลายตลาด 

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE
ล่าสุด “เซ็ปเป้” เล็งเห็นโอกาสทำเงินใหม่จากการเติบโตของสังคมสูงวัยและประชาการคนรักสุขภาพที่ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่  “เซ็ปเป้ อินหยาง เอ็กซ์ หัวเฉียว” ภายใต้ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ สถาบันที่มีชื่อเสียงและเชียวชาญด้านแพทย์แผนจีนในประเทศไทย 

 

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยถึงที่มาของพอร์ตธุรกิจใหม่นี้ว่า เซ็ปเป้ให้ความสำคัญกับการช่วยให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทพยายามคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆทั้งอาหารและเครื่องดื่ม แต่ปัจจุบันบริษัทมองว่าตลาดอาหารเสริมเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความน่าสนใจโดยเฉพาะในเมืองไทยเพราะจำนวนสังคมผู้สูงวัยมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ 

บิ๊กมูฟ SAPPE จากผู้นำเครื่องดื่มสู่ตลาดอาหารเสริมสมุนไพรจีนวัยเก๋า

“หลังจากไทยเข้าสู่สังคมอายุแบบสมบูรณ์ เราคิดว่าจะทำยังไงที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้นซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออาหารเสริม ซึ่งปัจจุบันในตลาดโลกมีมูลค่าถึง 6 แสนล้านเหรียญและอีก 7-8% ข้างหน้ามูลค่าตลาดอาหารเสริมในประเทศไทยจะขึ้นไปแตะ 7.5 หมื่นล้านบาทเติบโต 5-8% เป็นผลมาจากช่วงโควิดคนเริ่มให้ความสำคัญกับการป้องกันเพื่อไม่ให้เป็นโรคมากกว่าการรักษา”

ผู้บริหารยังกล่าวต่อไปว่า เหตุผลที่เลือกสมุนไพรขึ้นมาเป็นตัวชูโรง เพราะบริษัทให้ความสำคัญกับสมุนไพรมานานแล้วเพราะเป็นสิ่งที่มาจากธรรมชาติ แต่อาหารเสริมหลายๆอย่างในท้องตลาดเป็นการสังเคราะห์ขึ้นมา ขณะที่ต่างประเทศเริ่มใช้อินกรีเดี้ยนจากสมุนไพรและธรรมชาติมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นโสม กระเทียม ขมิ้น หรืออะไรก็ตามที่มาจากธรรมชาติจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งสมุนไพรจีนก็เป็นศาสตร์ที่บริษัทมองว่ามีมานานกว่าพันปี นอกจากคุณสมบัติด้านการรักษาสมดุลให้กับร่างกายเพราะฉะนั้นความปลอดภัยมีสูง จึงตอบโจทย์ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ 

บิ๊กมูฟ SAPPE จากผู้นำเครื่องดื่มสู่ตลาดอาหารเสริมสมุนไพรจีนวัยเก๋า

แต่จุดอ่อนของสมุนไพรจีนคือวิธีการปรุงมีขั้นตอนยุ่งยาก ไม่สะดวกกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบัน จึงได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ที่เชี่ยวชาญเรื่องจีน วิทย์สุขภาพ และนวัตกรรม เพื่อคิดค้นและพัฒนาสูตรจากตำรับยาจีนจนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพรจีน แบรนด์ “เซ็ปเป้ อินหยาง เอ็กซ์ หัวเฉียว” 2 สูตร สูตรสดชื่น (กล่องแดง) เพื่อคนนอนดึก ทำงานหนัก และพักผ่อนน้อย และสูตรใจสงบ (กล่องน้ำเงิน) สำหรับคนคิดมาก นอนหลับยาก ช่วยปรับอารมณ์ ลดความเครียด เป็นการบุกเบิกกลุ่มสินค้าจากแพทย์จีนรูปแบบใหม่รายแรกในไทยโดยนำสมุนไพรจีนที่เคยทานยาก มาอยู่ในรูปแบบเม็ดบรรจุซองพร้อมทานสำหรับหนึ่งวัน เข้ามาเสริมพอร์ตสินค้าของเซ็ปเป้ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม 

 

“สำหรับท่องทางจำหน่ายในระยะแรกจะเริ่มจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งของเซ็ปเป้เอง และมาร์เก็ตเพลสต่างๆ ภายในเดือนนี้ ก่อนจะขยายไปยังร้านขายยาทั่วไปซึ่งจะเป็นช่องทางจำหน่ายหลักรวมทั้งช่องทางจำหน่ายของมหาวิทยาลัยหรือคลินิกของมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติด้วย และในอนาคตเรามองไปถึงการส่งออกแต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะเพราะติดขั้นตอนการขอใบอนุยาติต่างๆ 

 

ส่วนการตลาดเราจะทำ marketing ทั้งในส่วนของออนไลน์เพราะสามารถ communicate ได้มากกว่า เพราะอาหารเสริมเป็นสินค้าที่โฆษณามากไม่ได้ นอกจากนี้เรายังจะเข้าไปทำการตลาดกับคุณหมอหรือพยาบาลต่างๆในการแนะนำอาหารเสริมชนิดนี้เพื่อที่จะให้เข้าถึง consumer ตรงมากขึ้น ควบคู่ไปกับการทำโปรโมชั่นในส่วนของหน้าร้าน รวมทั้งใช้ PC หรือผู้แนะนำสินค้าเข้ามาช่วยกระจายสรรพคุณต่างๆเพราะถ้าเราวางไว้เฉยๆคนอาจจะไม่เข้าใจว่าสินค้าคือคืออะไร เพราะฉะนั้นการสื่อสารให้ตรงจุดและตรงกับเป้าหมายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จะต้องใช้ทั้งคนและสื่อออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น”

 

อย่างไรก็ตามเซ็ปเป้ตั้งความสำหรับพอร์ตโฟลิโอใหม่นี้ว่าภายใน 5 ปีผลิตภัณฑ์หมวดอาหารเสริม ภายใต้แบรนด์ “อินหยาง”จะต้องทำรายได้แตะ 500 ล้านบาทให้ได้  ส่วนปีนี้ขอตั้งเป้าการเติบโตในภาพรวม 20% จากฐานรายได้ปี2565 ที่ทำได้  4,500 ล้านบาท