ธุรกิจครอบครัว เมื่อมีพ่อแม่เป็นเจ้านาย

04 เม.ย. 2566 | 22:53 น.

รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์ และผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย [email protected]

หากท่านมีพ่อแม่ทำธุรกิจครอบครัวอยู่แล้ว การเข้าร่วมในธุรกิจครอบครัวอาจดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ง่ายมาก แต่ก็มีภาพลวงตาของเรื่องนี้อยู่ ซึ่งถือเป็นความท้าทายในการทำงานอย่างหนึ่ง เนื่องจากบุคคลภายนอกไม่เพียงจะมองว่าทายาทไม่มีคุณสมบัติดีพอสำหรับงานเท่านั้น แต่พ่อแม่อาจจะเป็นคนที่ทำให้เราทั้งต้องอับอายและโกรธในการทำงานร่วมกัน

อย่างไรก็ตามหากสามารถเปิดช่องทางการสื่อสารและกำหนดขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ก็จะมีโอกาสอยู่รอดและเติบโตในธุรกิจครอบครัวได้มากขึ้น ถึงกระนั้นก็อย่าลืมชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียทุกด้านให้รอบคอบก่อนที่จะเข้าทำงานในธุรกิจครอบครัว เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจ มาดูกันว่าข้อควรระวังในการมีพ่อแม่เป็นเจ้านายมีอะไรบ้าง

ไม่ได้รับความเคารพ แม้ว่าการเข้าทำงานเราจะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดสำหรับงานนั้นๆ แต่เพื่อนร่วมงานและลูกค้าจำนวนมากจะมองว่า ได้รับการว่าจ้างเข้ามาทำงานเพียงเพราะเป็นลูกเจ้านาย ดังนั้นด้วยความเชื่อในเรื่องสิทธิพิเศษนี้จะทำให้พวกเขาไม่ปฏิบัติด้วยความเคารพ สิ่งนี้อาจสร้างความขุ่นเคืองและความเป็นปรปักษ์ในที่ทำงาน ซึ่งจะทำให้อึดอัดได้ อีกทั้งยังอาจทำลายความภาคภูมิใจในตัวเองได้อย่างมากเลยทีเดียว

ธุรกิจครอบครัว เมื่อมีพ่อแม่เป็นเจ้านาย

ความขัดแย้งในครอบครัว การทำงานให้พ่อแม่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้มาก เนื่องจากความรู้จักมักคุ้นกันดี จึงมีแนวโน้มที่จะทำให้ความขัดแย้งในการทำงานกลายเป็นเรื่องส่วนตัวไปด้วย นอกจากนี้เมื่อมีความผูกพันทางอารมณ์ความรู้สึกกับเจ้านาย การทำร้ายความรู้สึกกันในที่ทำงานก็จะง่ายขึ้นมาก และความไม่ลงรอยเหล่านี้ไม่เพียงนำไปสู่ปัญหาครอบครัวเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อบริษัทอีกด้วย

ไม่มีทางหนี เมื่อตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจของครอบครัวแล้วอาจรู้สึกเหมือนติดกับดัก แม้ว่าจะมีโอกาสในการทำงานที่สดใสมากแต่ก็อาจรู้สึกเหมือนถูกผูกมัด ท้ายที่สุดแล้วลูกจะทิ้งพ่อแม่ไปได้อย่างไร ในเมื่อพ่อแม่ใช้เวลาหลายปีในการสอนงานเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวให้ หากตัดสินใจรับงานอื่นและออกจากธุรกิจนี้ไป ครอบครัวอาจไม่พอใจ และอาจต้องประสบความทุกข์ใจจากความขุ่นเคืองด้วยความผิดหวังจากพ่อแม่ไปตลอดชีวิต

มีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ในเวลาคับขันและธุรกิจซบเซา อาจจะต้องเฝ้าดูพ่อแม่ดิ้นรนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและรักษาธุรกิจเอาไว้ สิ่งนี้อาจทำให้เหนื่อยใจและอาจเป็นเรื่องน่าอายอย่างหนึ่งสำหรับพ่อแม่ด้วย เพราะไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกเห็นตนอยู่ในในสภาวะที่อ่อนแอขนาดนั้น ซึ่งการทำงานให้พ่อแม่แทนที่จะไปทำงานในบริษัทขนาดใหญ่อื่น จะทำให้ได้รับรู้เหตุการณ์ทั้งด้านบวกและด้านลบในชีวิตส่วนตัวมากขึ้น

ไอเดียถูกปฏิเสธ พ่อแม่อาจไม่ได้มองว่าเราเป็นลูกน้อยของพวกเขาเสมอไป ดังนั้นจึงอาจไม่เห็นคุณค่าความคิดเห็นของลูกเท่ากับพนักงานคนอื่นๆ เมื่อลูกนำเสนอไอเดียใหม่ๆในที่ทำงานจึงอาจมีแนวโน้มที่จะโดนปฏิเสธหรือเพิกเฉยต่อไอเดียนั้นได้ง่าย ซึ่งการถูกปฏิเสธในลักษณะนี้อาจส่งผลต่อลูกอย่างรวดเร็วและสร้างความรู้สึกไม่พอใจได้มาก

เวลาครอบครัว = เวลาธุรกิจ เมื่อทำงานให้พ่อแม่ เวลาของครอบครัวจะเปลี่ยนไป ทุกครั้งที่สมาชิกครอบครัวรวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำวันขอบคุณพระเจ้าหรืองานเลี้ยงวันเกิด การสนทนาอาจกลายเป็นเรื่องธุรกิจได้เสมอ ซึ่งสิ่งนี้อาจสร้างความตึงเครียดอย่างมากต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว และท่านอาจรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังสูญเสียความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพ่อแม่ไป

อย่างไรก็ตามการทำงานในธุรกิจครอบครัวย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากพิจารณารอบคอบแล้วไม่ว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ การพูดคุยกันด้วยเหตุผล ด้วยความเคารพซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญ ธุรกิจครอบครัวอาจไม่ใช่ความฝันร่วมของสมาชิกในครอบครัว และทุกคนมีสิทธิใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ โดยไม่ทำร้ายกันและกัน

ที่มา: Bell, A. 2022. 6 Drawbacks of Working for Your Parents. Investopedia. Available: https://www.investopedia.com/articles/personal-finance/092515/6-drawbacks-working-your-parents.asp

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.famz.co.th

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,874 วันที่ 30 มีนาคม - 1 เมษายน พ.ศ. 2566